โป๊ะเช๊ะ ดอท คอม

เลี้ยงหอยทาก เพื่อขายเมือกทำเครื่องสำอางค์ ..รับเหนาะๆเดือนนับหมื่น

https://goo.gl/Kny9Lr
“มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์และสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) ศึกษาพบว่าหลังรีดเมือกออกมาแล้วนำไปผ่านกระบวนการฆ่าเชื้อ เมือกหอยทากมีคุณสมบัติโดดเด่นในด้านต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย มีโปรทีนเปปไทน์ช่วยทำให้ผิวชุ่มชื้น ลดริ้วรอย ช่วยให้รอยแผลสิวหายเร็ว ประกอบกับวงการเครื่องสำอางมีความต้องสูงมาก..

ปี 2559 ครูเรือนใจ อิศราง- กูร ณ อยุธยา สมาชิกบริษัท อาช่าไทย อินเตอร์เนชั่นแนล จก. ได้มาส่งเสริมให้ชาวบ้านหันมาเลี้ยงหอยทากเป็นอาชีพเสริม พร้อมรับซื้อเมือกหอยทากราคาลิตรละ 15,000 บาท

นักวิจัยไทยพัฒนาการเลี้ยงหอยทากแบบฟาร์มเชิงนิเวศ จนได้หอยทากที่มีคุณภาพ สามารถรีดเมือกได้ปริมาณมาก ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญผลิตเครื่องสำอางราคาสูง ได้รับความสนใจสั่งซื้อจากต่างประเทศแล้ว

บนพื้นที่กว่า 10 ไร่นี้ เป็นฟาร์มเลี้ยงหอยทากนวล หอยทากสายพันธุ์ไทย ของฟาร์มหอยทากสยามสเนล เขตหนองจอก กทม. ซึ่งที่นี่ใช้วิธีการเลี้ยงเชิงนิเวศแห่งแรกของเอเชีย เจ้าหน้าที่บอกว่าสถานที่เลี้ยงมีส่วนสำคัญในการเจริญเติบโตของหอยทาก โดยพื้นที่จะต้องมีความชุ่มชื้นตลอดทั้งวัน จึงเน้นปลูกต้นไม้ที่มีใบค่อนข้างเยอะ เพื่อให้ใบช่วยรักษาความชื้นของดิน หรืออาจสร้างเพิงไม้ขนาดเล็กตามพุ่มไม้ หอยจะใช้หลบแดดหลบร้อนได้ และหากอากาศร้อนมากในช่วงกลางวัน จะเปิดสปริงเกอร์ช่วยช่วยรักษาอุณหภูมิให้เหมาะสม อาหารที่ให้จะเป็นเห็ด ให้ทุก 2-3 วันวางเป็นจุดกระจายให้ทั่ว ตรงกับลักษณะการกินของหอยทากนวล และพบว่าหอยชนิดนี้มีความสามารถป้องกันเชื้อราได้อีกด้วย

นำหอยทากพันธุ์อาช่า (Achatina fulica) เพราะตัวใหญ่ให้ปริมาณเมือกมาก จะจับมาจากแหล่งธรรมชาติ มาปล่อยเลี้ยงในวงบ่อซีเมนต์ บ่อละ 250 ตัว

ครั้งแรกต้องนำกระดาษทิชชูใส่ลงไปให้หอยทากเกาะ นาน 1 สัปดาห์ เพื่อคลายพิษที่อาจติดมาจากธรรมชาติ…จากนั้นใช้ผักโขม ตำลึง หรือน้ำเต้า เป็นอาหารเลี้ยงหอย
อาหารที่ให้หอยทากกินต้องเป็นผักออร์แกนิก หรือเพาะถั่วเขียวให้เป็นถั่วงอก เฉลี่ยเดือนละ 2000 บาท โรงเรือนหนึ่งมีหอยทาก 600 ตัว กินอาหารประมาณ 1 กิโลกรัมต่อวัน ถ้าต้องซื้อผักแล้วเราไม่มั่นใจว่าไร้สารเคมี ต้องนำมาแช่ด่างทับทิม 30 นาที ล้างน้ำสะอาดอีก 3-4 รอบ เพราะทางบริษัทเอเดนรับซื้อเมือกหอยทากออร์แกนิก

..ฟาร์มตัวอย่างของคุณ ธวัชชัย เลี้ยงหอยทากราว 3000 ตัว สร้างรายได้ประมาณ 15,000-30,000 บาทต่อเดือน ถ้าได้เมือกที่มีคุณภาพ เฉลี่ยการรีดเมือกหอยทากได้ราคา 10 บาทต่อตัว ต่อการรีดหนึ่งครั้ง ซึ่งระยะเวลาในการรีดเดือนละครั้ง..

“ก่อนรีดเราต้องทำความสะอาดให้ดี เก็บเข้าห้องฟรีซ ไม่ให้มีจุลทรีย์จากภายนอกเข้าไป เพื่อให้มันปลอดเชื้อ ทางเอเดนต้องไปสกัดเอาน้ำออก เขาจะแจ้งว่าเหลือเท่าไหร่คำนวณมาเป็นเงิน ผมว่าการเลี้ยงหอยทาก มีรายได้กลับมารวดเร็ว คุ้มทุนเร็ว ไม่เสี่ยง”

ราคาการรับซื้อเมือกหอยจากทางเอเดน ตอนนี้มี 3 เกรด คือ ..

เกรดเอ ราคา 15,000 บาท ต่อลิตร

เกรดบี ลดหย่อนลงมาเหลือที่ 12,000 บาท

และเกรดซี 9,000-10,000 บาท

สำหรับหอยทากที่เลี้ยงเป็นพันธุ์อาช่า (Achatina fulica) จับมาจากแหล่งธรรมชาติในพื้นที่ โดยเน้นในป่า บนเขา เพราะหอยทากจะปลอดสารเคมี ถ้าจับมาจากไร่นาหอยทากอาจได้รับสารเคมีจากยาฆ่าแมลง ยากำจัดวัชพืช โดยมีการรับซื้อกิโลกรัมละ 20-25 บาท ซึ่งตรงนี้เป็นอีกอาชีพใหม่สร้างรายได้ให้กับชาวบ้านอย่างเป็นกอบเป็นกำ เฉลี่ยเดือนละหมื่นบาท

เมื่อเลี้ยงหอยทากนวลจนอายุได้ 6 เดือน จะได้ขนาดใหญ่ตั้งแต่ 5 นิ้วขึ้นไป สามารถเก็บหอยทากนำไปรีดเมือกได้แล้ว นำไปเลี้ยงต่อในโรงเรือนสะอาด ซึ่งจะรีดเมือกโดยใช้แท่งแก้วลูบตามลำตัวจนหอยทากกลับเข้าไปในเปลือก โดยหอยทากนวลจะปล่อยเมือกออกมาบริเวณเนื้อเยื่อที่สร้างเปลือกหรือส่วนแมนเทิล ครั้งละประมาณ 1 ซีซี.ต่อ 1 ตัว เมื่อรีดเสร็จจะปล่อยกลับในฟาร์มเลี้ยงอีกครั้งและสามารถเก็บมารีดเมือกได้อีกทุก 2-3 วัน เมือกส่วนนี้พบว่ามีโปรตีนขนาดเล็กที่มีประโยชน์หลายชนิด ด้วยเป็นสัตว์ในเขตร้อนชื้นจึงมีคุณสมบัติทางเคมีดีเยี่ยมกว่าหอยจากยุโรป เครื่องสำอางที่ได้จะทำปฏิกิริยากับผิวได้ดีกว่าด้วย

เมือกหอยทากนวลปัจจุบันมีราคาสูงถึง1,000 บาท ต่อ 15 ซีซี โดยมียอดสั่งซื้อจากเกาหลีใต้แล้ว และมีหลายประเทศให้ความสนใจ ซึ่งหากมีการพัฒนาและส่งเสริมการเลี้ยงสู่เกษตรกร และมีตลาดรองรับที่เพียงพอฟาร์มหอยทากจะเป็นอีก 1 ธุรกิจที่เพิ่มมูลค่าจากทรัพยากรในประเทศได้เป็นอย่างดี.

ขอบคุณ https://www.thairath.co.th/content/1100680
สำนักข่าวไทย