โป๊ะเช๊ะ ดอท คอม

มาปลูก“สับปะรดสี”เพื่อความสุขใจและเป็นรายได้ที่ดี (1)..+1

https://goo.gl/Mm1mE4

“สับปะรดสี” เป็นพันธุ์ไม้ประดับชนิดหนึ่งที่ได้รับความนิยม เนื่องจากสับปะรดสีเป็นไม้ที่ดูแลง่าย และทนต่อสภาพแห้งแล้งได้เป็นอย่างดี ..

ลักษณะเด่นคือเป็นไม้ประดับที่มีใบเป็นกลีบแข็งแผ่ออกไปโดยรอบ ผิวใบมีลวดลายและสีสันสวยงามแตกต่างกันออกไปแล้วแต่ชนิดของพันธุ์ นอกจากนั้นสับปะรดสียังมีดอกที่สวยงามอีกด้วย

แม้สับปะรดสีจะเติบโตช้า แต่ด้วยคุณสมบัติทนแล้ง จึงได้รับความนิยมไม่ใช่น้อย ดอกของสับปะรดสีอยู่ในช่อดอกยาวสูง มีกลีบดอก กลีบเลี้ยงและใบสีสันสดใส ความสวยงามของมันสามารถอยู่ให้เราชื่นชมได้ยาวนานเนื่องจากมันเป็นพันธุ์ไม้ที่อยู่ได้นานหลายเดือน นอกจากนี้ยังมีคำแนะนำว่าเนื่องจากสับปะรดสีมีคุณสมบัติดูดสารพิษแม้จะไม่มากแต่มันจะคายออกซิเจนออกมาในตอนกลางคืนและดูดคาร์บอนไดออกไซด์เข้าไป ดังนั้นจึงเหมาะที่จะวางมันไว้ในห้องนอนเป็นอย่างยิ่ง..

สับปะรดสี เป็นไม้ที่เลี้ยงง่าย ทนแดดฝนเป็นอย่างดี ขยายพันธฺุ์ก็ง่าย เพียงแต่ตัดหน่อใหม่ เช็ดปูนที่รอยตัด ทิ้งไว้ให้แห่งแล้วนำลงเพาะชำ ใช้กาบมะพร้าวสับท่อน แช่น้ำทิ้งไว้ 1 อาทิตย์ นำหน่อพันธุ์วางลงได้เลย…เป็นรายได้เสริมสำหรับผู้เกษียณ ได้อย่างหนี่งพร้อมความสุขใจ ….

ปัจจัยสำคัญในการปลูกสับปะรดสี

1.แสงแดด
สับปะรดสีเป็นไม้ที่ชอบแสงแดด แสงแดดที่เหมาะสมกับสับปะรดสีโดยรวมคือความเข้มข้นแสง 50-70% สำหรับการเลี้ยงเบื้องต้นแนะนำให้เลี้ยงแดดช่วงเช้า-4โมงเช้า ถ้าต้นไม้ได้รับแดดน้อยจะไม่ค่อยมีสีสันและฟอร์มใบยืดยาวไม่สวยงาม ถ้าได้รับแดดแรงเกินไปอาจทำให้ใบไหม้เสียหายได้ ต้นที่ใบมีฟอร์มไม่สวยงามหรือมีตำหนิจะไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ ต้องรอผลัดใบใหม่อย่างเดียว

 

2.อุณหภูมิและความชื้น
สังเกตได้ว่าต้นไม้และดอกไม้หลายชนิดจะให้สีสันสวยงามในช่วงหน้าหนาว สับปะรดสีก็เช่นกัน จะชอบอุณหภูมิต่ำๆ 20-25 องศา ทำให้สีสันสวยงามมาก แต่สภาพแวดล้อมบ้านเราร้อน ควรให้อยู่บริเวณที่มีอุณหภูมิไม่เกิน 35 องศา (แต่ไม่ใช่ในร่มเลยนะ) ส่วนเรื่องความชื้นควรให้มีความชื้นตลอดเวลาไม่แห้งและไม่แฉะเกินไป ตัวอย่างเช่นสับปะรดสีที่เลี้ยงบนภูเขาหรือที่สูงสีสันจะสวยงามมากๆ เพราะมีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม

 

3.น้ำ
สับปะรดสีชอบน้ำที่มีความเป็นกรดอ่อนๆ (ค่า pH ต่ำกว่า 7 เล็กน้อย) น้ำที่สับปะรดสีชอบคือน้ำฝน สังเกตว่าเมื่อฝนตกสับปะรดสีจะสวย ใบเต่งตึง เติบโตดีและรากเดินได้ดี ส่วนน้ำประปาบางแหล่งมีความเป็นด่าง (ค่า pH มากกว่า 7 เล็กน้อย) ก็สามารถใช้รดสับปะรดสีได้ตามปกติ แต่ถ้าน้ำประปามีคลอรีนมากความเป็นด่างจะสูง ทำให้มีคราบขาวๆ เกาะตามใบไม่สวยงาม ควรพักน้ำให้ตกตะกอนก่อนนำมาใช้ ส่วนน้ำบาดาลต้องตรวจสอบให้ละเอียดก่อนใช้เพราะมีความเป็นกรด-ด่างแตกต่างกัน ถ้าความเข้มสูงหรือน้ำไม่สะอาดก็อาจทำให้สับปะรดสีใบเสีย สีซีด เป็นโรคและอาจตายได้

4.ลมและความถ่ายเทอากาศ
สับปะรดสีชอบที่โล่ง อากาศถ่ายเทตลอดทั้งวัน
ไม่ควรวางเบียดกัน/ใบซ้อนกัน/ใบคลุมกระถาง (ควรตัดแต่งใบล่างเรื่อยๆ) สับปะรดสีจะได้รับความชื้น ไอน้ำ ธาตุอาหาร คาร์บอนไดออกไซด์เพื่อช่วยในการสังเคราะห์แสง ทำให้แข็งแรงไม่อ่อนแอต่อโรครา ลมจะช่วยให้หน้าเครื่องปลูกแห้งเสมอทำให้ไม่เกิดเชื้อราแต่ในขณะที่เครื่องปลูกที่อยู่ด้านล่างยังรักษาคามชื้นไว้ได้ตลอดเวลา ไม่ต้องห่วงว่าจะแห้งตายเพราะสับปะรดสีทนทานมาก แค่มีน้ำที่กรวยและกาบใบก็ไม่ตายแล้ว

5.เครื่องปลูก
ควรใช้เครื่องปลูกที่เก็บสะสมรักษาความชื้นได้และต้องโปร่งด้วยเพื่อให้ระบายน้ำและอากาศได้ดี ..วัสดุปลูกที่ใช้เช่น มะพร้าวสับ (นิยมกันมากเพราะราคาถูกและหาได้ง่าย) หินภูเขาไฟ เศษหิน เศษถ่าน เศษกระถาง เศษโฟม อาจผสมด้วยกันหรือใช้ตามความเหมาะสมของไม้แต่ละต้น.

ขอบคุณ https://www.facebook.com/SarakhamBromeliad
https://www.sanook.com/home/9165/