โป๊ะเช๊ะ ดอท คอม

อาหารหมักปฏิวัติอาหารโลก ธุรกิจนมสัตว์,เนื้อสัตว์จะล้มละลาย ตามคำทำนาย “โทนี ซีบา”

อาหารหมักปฏิวัติอาหารโลก ธุรกิจนมสัตว์,เนื้อสัตว์จะล้มละลาย ตามคำทำนาย “โทนี ซีบา”

ปี 2030 ธุรกิจนมวัวนมสัตว์จะล้มละลาย ถัดมาปี 2035 ธุรกิจเนื้อสัตว์จะล้มละลาย 

วิธีใช้สารยูเรียเพิ่มโปรตีนในอาหารสัตว์…+1

ตามการคาดหมายของนายโทนี ซีบา นักอนาคตวิทยาชื่อดัง ที่เคย “ทำนาย” เรื่องการเปลี่ยนแปลงของโลกในระยะสิบกว่าปีมานี้ได้อย่างใกล้เคียงความจริงมากที่สุด โดยเฉพาะเรื่องการสื่อสาร พลังงาน และการคมนาคม เขาไม่ใช่หมอดู แต่ใช้ปัญญาญาณจากฐานข้อมูลความรู้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง..

บริษัทแห่งหนึ่งของอิสราเอลกำลังเปิดโรงงานผลิตนมที่เดนมาร์ก ใช้วัวเพียงไม่กี่ตัว สามารถผลิตนมได้เท่ากับวัว 50,000 ตัว ที่ประเทศแคนาดา ภายในไม่กี่ปีข้างหน้าจะใช้วัวเพียง 20 ตัวเพื่อผลิตนมได้เท่ากับวัว 1 ล้านตัว ซึ่งมีอยู่ในแคนาดาวันนี้..

ลองนึกภาพของอาร์เจนตินา ออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกา และอื่นๆ ที่มีวัว มีแกะ มีแพะล้านๆ ตัว อีกไม่นานต้องเปลี่ยนทุกอย่าง เพราะวิทยาศาสตร์สามารถพัฒนาทางเลือกเพื่อผลิตนม ผลิตเนื้อจาก “ห้องแล็บ” ได้คุณภาพดีกว่า ถูกกว่า ปลอดภัยไร้สารเคมี

เริ่มมานานแล้ว และเริ่มขยายกลายเป็นอุตสาหกรรม โดยกระบวนการที่ใช้ คือ “การหมัก” ที่เคยทำมากว่า 40 ปีก่อนในการทำเนยแข็ง ไอศกรีม โยเกิร์ต ช็อกโกแลต แต่พัฒนามาเป็นการหมักเพื่อผลิตโปรตีนนม-เนื้อ (precision fermentation)

ในนม มีน้ำอยู่ร้อยละ 90 โปรตีนร้อยละ 3 กระบวนการทางวิทยาศาสตร์นำโปรตีนนี้มาหมัก และจะทำให้นมหมักมีราคาเท่ากับนมจากวัวภายในปี 2025 และต่อไปจะลดลงถึง 10 เท่า

การเปลี่ยนแปลงแบบหักโค่นนี้จะส่งผลกระทบต่อสังคม ต่อโลก ต่อสิ่งแวดล้อมอย่างมาก ไม่จำเป็นต้องใช้ทุ่งหญ้าล้านๆ ไร่เพื่อเลี้ยงสัตว์ อุตสาหกรรมอาหารสัตว์ ยาปฏิชีวนะ สารเคมี และอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องจะต้องล้มเลิก จะมีพื้นที่ว่างรวมทั้งโลกอย่างประมาณมิได้..

สิ่งแวดล้อมดีขึ้นแน่ มลพิษจากการเลี้ยงสัตว์ การเกษตรก็จะน้อยลง ต่อไปจะไม่มีฟาร์มเลี้ยงสัตว์ แต่จะมีฟาร์มเลี้ยงจุลินทรีย์แทน และไม่ใช่สัตว์เท่านั้น แต่จะขยายรวมไปถึงพืชผักข้าวปลาอาหารทั้งหมด

หลายพันปีที่ผ่านมา อาหารร้อยละ 75 มาจากสัตว์ 5 ชนิด พืช 12 ชนิด การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้จะทำให้เกิดการพัฒนาอาหารเป็นซอฟต์แวร์ การออกแบบอาหาร เหมือนออกแบบแอพ หรือกราฟิก ในพืชสัตว์ที่เป็นอาหารนับล้านชนิดในธรรมชาติ ซึ่งตลอดประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ เราใช้เพียง 2,000 ชนิดเท่านั้น

นี่คือรูปแบบธุรกิจใหม่ที่กำลังเกิดขึ้น เริ่มขึ้นมาพักใหญ่แล้ว เพียงแต่เปลี่ยนที่ผลิตคนละ “ฟาร์ม” เท่านั้น จากฟาร์มเปิดและทุ่งหญ้ามาเป็นฟาร์มปิด เป็น “ฟาร์มหมัก” (fermentation farm) เป็นการผลิต “เนื้อจากอากาศ” ย้อนไปสู่ยุคกำเนิดจักรวาล ที่เกิดจุลินทรีย์ (ที่จะพูดถึงตอนต่อไป) และกระบวนการทำให้เกิดเป็นสิ่งมีชีวิตต่างๆ ทั้งสัตว์และพืช และนี่คือการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สุดในวัฒนธรรมอาหารของมนุษย์ที่เคยมีมาตลอด 10,000 ปี

การที่นายโทนี ซีบา กล้าหาญทำนายการเปลี่ยนแปลงโลกเช่นนี้ เพราะเขามีข้อมูล มีหลักฐานยืนยัน เขาเปรียบเทียบการปฏิวัติอาหารกับการขนส่ง ย้อนให้เห็นว่า ในประวัติศาสตร์ร้อยกว่าปีที่ผ่านมา มีรถยนต์กับน้ำมัน สองปัจจัยขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงโลก ทำให้เกิดอุตสาหกรรมและธุรกิจต่างๆ ตามมา

เขายกตัวอย่างการผลิตอินซูลินที่เมื่อก่อนนี้ทำจากตับอ่อนของสัตว์ ต้องใช้สัตว์ 23,000 ตัว เพื่อจะได้ตับอ่อน 10,000 ปอนด์ ผลิตอินซูลินได้ 1 ปอนด์ ในช่วงปี 1980 มีการผลิตอินซุลินจากคน การเปลี่ยนผ่านเกิดขึ้นภายใน 13 ปี เช่นเดียวกับบริษัทน้ำอัดลมใช้เวลาเพียง 4 ปี เปลี่ยนการใช้น้ำตาลจากอ้อยเป็นน้ำหวานจากข้าวโพด โดยผู้บริโภคไม่รู้สึกความแตกต่าง ..

นม เนื้อ ผัก จากการหมักจุลินทรีย์ก็จะมีรสชาติและคุณค่า “เหมือนเดิม”นายโทนี ซีบา พูดถึงการเปลี่ยนแปลงหลักๆ เรื่องข่าวสาร อาหาร พลังงาน การขนส่ง และวัสดุ ซึ่งมาจากการบรรจบ (convergence) ระหว่างเทคโนโลยีต่างๆ เช่น เมื่อปี 2007 ที่เกิดสมาร์ทโฟน และนำไปสู่ธุรกิจใหม่ อย่าง Uber, Grab, Airbnb แฟลตฟอร์ม และแอพพลิเคชั่นต่างๆ มากมาย

ลองคิดถึงสมาร์ทโฟนที่นอกจากใช้โทร. ยังทำได้สารพัดอย่าง จนหักโคนกล้องถ่ายรูป ฟิล์ม ร้านถ่ายรูป รวมทั้งบริษัทโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่ที่ไม่ปรับตัว กลายเป็นผู้ประกอบการอย่างแอปเปิล กูเกิลที่ไม่เคยทำโทรศัพท์ที่มาผลิตสมาร์ทโฟน เทสลาที่ไม่เคยผลิตรถยนต์มาทำรถไฟฟ้า และบริษัทอีกมากมายที่ไม่เคยทำรถยนต์ก็มาทำรถไฟฟ้า รถไร้คนขับ ถือว่าเป็นเพียง “คอมพิวเตอร์” บนล้อ

โลกเปลี่ยนถึงรากเห็นได้ในเรื่องพลังงานแสงอาทิตย์ที่วันนี้ถูกกว่าพลังงานทุกชนิด มีปัญญาประดิษฐ์ หุ่นยนต์ แบตเตอรี่ เซนเซอร์ การพิมพ์สามมิติ อินเตอร์เน็ต บิ๊กดาต้า คอมพิวติ้ง บล็อกเชน เหล่านี้ ล้วนเป็นเทคโนโลยีใหม่ เป็นนวัตกรรมที่ขับเคลื่อนโลก..

นายโทนี ซีบา ที่ใครๆ หาว่าบ้า พยากรณ์ไว้ตั้งแต่ปี 2010 ว่า ภายในปี 2020 รถไฟฟ้าจะออกสู่ตลาดใหญ่ และสองสามปีต่อไปราคาจะอยู่ที่ 10,000 เหรียญ ภายในปี 2030 รถใหม่ทุกคันจะเป็นรถไฟฟ้า ต่อมา เขาเห็นว่าการเปลี่ยนแปลงเร็วกว่านั้น จึงลดลงมาที่ปี 2025 ซึ่งบริษัทอย่างวอลโวและอื่นๆ ก็ประกาศแล้วว่า ในปี 2025 รถใหม่จะเป็นรถไฟฟ้าเท่านั้น เขาฟันธงไว้นานแล้ว่า ปี 2030 น้ำมันจะสิ้นมนต์ขลัง พลังงานหมุนเวียนจะมาแทนที่

ไม่กี่ปีข้างหน้า วัฒนธรรมการผลิตอาหารจะเปลี่ยนไปหน้ามือเป็นหลังมือ จะมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงโลกและสิ่งแวดล้อม การผลิตจะกระจายไปทั่ว ลดปัญหาการขนส่งเพราะที่ไหนก็ผลิตได้ ไม่ต้องตัดไม้ทำลายป่าเพื่อปลูกหญ้าให้วัว ไม่ต้องเลี้ยงสัตว์ที่มีผลต่อทรัพยากรและสภาพแวดล้อมมากที่สุดอีกต่อไป

เมืองไทยได้ชื่อว่าเป็นที่เหมาะที่สุดของ “การหมักจุลินทรีย์” การทำ EM น้ำหมักชีวภาพ เพราะมีวัสดุจากธรรมชาติดีที่สุด อากาศและสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมกับการเติบโตของจุลินทรีย์ ได้พันธุ์ดีที่ไม่มีที่อื่น..

เมืองไทยมี “ต้นทุน” ดีที่สุดแห่งหนึ่งเพื่อรองรับโลกแห่งอนาคต ถ้าเราเข้าใจการเปลี่ยนแปลง ก็จะรู้ว่า สิ่งที่เราขาดวันนี้ คือวิสัยทัศน์ ปัญญาที่เห็นคุณค่าของจุลินทรีย์เล็กที่สุด ที่มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น การพัฒนาคน เทคโนโลยี และระบบ เพื่อทำให้ต้นทุนที่เรามีเกิดประโยชน์มากที่สุด

ขอบคุณบทความโดย ดร.เสรี พงศ์พิศ
https://www.google.com/..A3%E0%B8%95%E0..