รู้ไว้ได้ประโยชน์ » ประกาศ 5 อันดับบุคคลที่รวยที่สุดในโลก ประจำปี 2566

ประกาศ 5 อันดับบุคคลที่รวยที่สุดในโลก ประจำปี 2566

30 ธันวาคม 2023
273   0

ประกาศ 5 อันดับบุคคลที่รวยที่สุดในโลก ประจำปี 2566

ขอขอบคุณภาพจากBusiness Tomorrow

– – – – – – – – – –
ข้อมูลจาก THE WORLD’S REAL-TIME BILLIONAIRES ของ Forbes ในวันที่ 19 ธันวาคม 2566 ได้แสดงข้อมูลทรัพย์สินของบุคคลที่รวยที่สุดในโลก งานนี้ไม่หลุดโผจากเดิมมากนักโดยจะเป็นใครกันบ้างนั้นไปดูกัน..
📌Elon Musk
Elon Musk นักธุรกิจจากประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นผู้มีอิทธิพลทางธุรกิจด้านเทคโนโลยีเป็นอย่างมาก และแน่นอนว่าเขามีอิทธิพลในด้านของตลาดคริปโตด้วย อย่างก่อนหน้านี้ Musk ก็เป็นอีกหนึ่งคนที่ทำให้ราคาเหรียญมีมโนเนมอย่าง “Dogecoin” พุ่งขึ้นอย่างรุนแรงจนกลายเป็นเหรียญมีมอันดับ 1 อย่างในปัจจุบัน
ปัจจุบัน Elon Musk ครองตำแหน่งมหาเศรษฐีอันดับที่ 1 ด้วยมูลค่าทรัพย์สินสุทธิประมาณ 2.60 แสนล้านดอลลาร์
Elon Musk เป็น ผู้ก่อตั้ง ของ “SpaceX , Tesla, The Boring Company, SolarCity” อีกทั้งยังเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง ของ “OpenAI และ Neuralink” ด้วย และเมื่อไม่นานมานี้เขาก็เพิ่งซื้อ Twitter โดยภายหลังเขาได้เปลี่ยนชื่อเป็น X ซึ่งนี่ทำให้เขากลายเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก
👉🏻สิ่งที่น่าสนใจของ Elon Musk
Elon Musk กลายเป็นนักธุรกิจบุคคลที่ถูกพูดถึงบนโลกโซเชียลล้นหลามด้วยความเกรียนของเขา แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็เป็นหนึ่งในผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในปัจจุบัน ด้วยวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน มีแนวคิดในนวัตกรรมใหม่ๆสำหรับโลกในอนาคต ซึ่งเขาไม่กลัวที่จะเสี่ยง เพียงเพื่อบรรลุเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้
โดยในปี 2024 Elon Musk วางแผนที่จะมุ่งเน้นไปที่เป้าหมายหลักของเขา คือ การตั้งอาณานิคมบนดาวอังคาร, การพัฒนา AI ให้มีความปลอดภัยและเป็นประโยชน์ต่อมนุษยชาติ และการแก้ปัญหาพลังงานของโลก อีกทั้งยังวางแผนที่จะเปิดตัว “Starship” ระบบส่งยานอวกาศที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้อย่างสมบูรณ์ ซึ่งเขาหวังว่าสักวันหนึ่งจะถูกนำมาใช้เพื่อขนส่งผู้คนและสินค้าไปยังดาวอังคารได้
📌Bernard Arnault และตระกูล
ตระกูล Arnault ที่มีผู้นำอย่าง Bernard Arnault และลูกๆ ของเขา Delphine, Antoine, Alexandre และ Frédéric เป็นครอบครัวชาวฝรั่งเศสที่มีอิทธิพลอย่างมากในโลกแห่งสินค้าฟุ่มเฟือย “อาณาจักรแบรนด์หรู LVMH” ซึ่งครอบครัวของเขาควบคุมสัดส่วนในการเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ โดยมี Bernard Arnault ดำรงแหน่งเป็นประธานและ CEO
ปัจจุบัน Bernard Arnault และตระกูล ครองตำแหน่งมหาเศรษฐีอันดับที่ 2 ด้วยมูลค่าทรัพย์สินสุทธิประมาณ 2 แสนล้านดอลลาร์
บริษัท “LVMH” มีแบรนด์ในเครือที่เป็นยอดนิยมทั่วโลกเป็นอย่างมาก ที่เกิดจากความสามารถและการจัดการแบรนด์ที่พิถีพิถัน รวมถึงความชาญฉลาดในการขยายธุรกิจเข้าสู่ตลาดใหม่ของ Bernard Arnaul โดยเครือ LVMH มีธุรกิจในเครือมากถึง 75 แบรนด์ด้วยกัน โดยมีแบรนด์ที่ติดหูดังนี้ Louis Vuitton, Christian Dior, Fendi, Givenchy, Celine, Kenzo, Bulgari, Sephora, Hennessy, Dom Pérignon, Moët & Chandon และ Tiffany & Co.
👉🏻สิ่งที่น่าสนใจของ Bernard และตระกูล Arnaults ?
โดยส่วนใหญ่จะเห็นได้ว่ามหาเศรษฐีจะมาจากสหรัฐอเมริกา แต่ Bernard และตระกูล Arnaults นั้นเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จอย่างมากจากฝรั่งเศส แต่ก็ไม่ได้ถูกพูดถึงหรือพาดหัวข่าวในประเด็นเสียหายมากนัก พวกเขาใช้เวลาไปกับอาณาจักร LVMH ในด้านของการรักษามาตรฐานของสินค้า , การกำหนดแนวโน้มทิศทางของราคา ที่มีอิทธิพลต่อความต้องการของคนนับล้าน
ความเคลื่อนไหวล่าสุดของ LVMH ได้บ่งบอกถึงลำดับความสำคัญที่เปลี่ยนแปลงไป พวกเขาได้เริ่มโครงการด้านความยั่งยืน การลงทุนในแพลตฟอร์มดิจิทัลอย่างการเปิดตัว NFT นอกจากนี้ยังมุ่งเน้นที่ประสบการณ์เช่นการเดินทางที่หรูหรามากขึ้น บ่งชี้ถึงความต้องการที่จะตอบสนองลูกค้าโดยรักษามาตรฐานไว้อย่างเดิม และที่สำคัญยังคงความ ‘หรูหราเอาไว้’
📌 Jeff Bezos
Jeff Bezos รู้จักกันดีว่าเขาเป็นนักธุรกิจชาวอเมริกันและ ผู้ก่อตั้ง “Amazon” เว็บไซต์อีคอมเมิร์ชรายใหญ่ที่สุดในโลก ย้อนกลับไปในช่วงปี 1994, Bezos ได้เปิดอู่ซ่อมรถเล็ก ๆ แต่ปัจจุบันเขากลายเป็นผู้ปฏิวัติโลกของอีคอมเมิร์ช โดยการเปลี่ยนวิธีในการจับจ่ายซื้อของคนไปทั่วโลกเป็นที่เรียบร้อย
ปัจจุบัน Jeff Bezos ครองตำแหน่งมหาเศรษฐีอันดับที่ 3 ของโลก ด้วยมูลค่าทรัพย์สินสุทธิประมาณ 1.76 แสนล้านดอลลาร์
เมื่อไม่นานมานี้เขาเพิ่งก้าวลงจากตำแหน่ง CEO ของ Amazon แต่ยังคงเป็นประธานกรรมการบริหารและนอกเหนือจาก Amazon เขายังเป็นเจ้าของ “Blue Origin” ที่เป็นผู้ให้บริการเดินทางไปอวกาศรวมถึงการผลิตจรวดเองด้วย เช่นเดียวกับ Space X ของ Elon Musk ที่มุ่งเน้นการสำรวจและการท่องเที่ยวอวกาศ ทั้งยังลงทุนในกิจการต่างๆผ่านทาง Bezos Expeditions รวมถึงโครงการริเริ่มด้านการดูแลสุขภาพ สื่อ และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
👉🏻 สิ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับ Jeff Bezos ?
Jeff Bezos ได้พัฒนาการซื้อของใช้ในชีวิตประจำวัน โดยการทำให้มันอยู่ในโลกของออนไลน์ ที่มีความสะดวกสบายมากขึ้น ซึ่งเป็นการพัฒนา อุตสาหกรรมแบบเดิมๆให้ก้าวล้ำไปไกลขึ้นกว่าเดิม นั่นทำให้เห็นว่าเขาทำให้เรื่องธรรมดาก็สามารถกลายเป็นธุรกิจระดับโลกได้ และเขายังตั้งเป้าไปที่การสำรวจอวกาศ ก้าวข้ามขีดจำกัดของศักยภาพมนุษย์
และแม้ว่า Jeff Bezos จะไม่ได้มีการเปิดเผยแผนงานในปี 2024 มากนัก แต่จากความสนใจในช่วงหลังๆมานี้ ดูเหมือนว่าเขาจะมุ่งเน้นไปในด้านการท่องเที่ยวอวกาศของ Blue Origin โดยมีเป้าหมายเพื่อให้มีเที่ยวบินบนอวกาศได้และสามารถเข้าถึงได้มากขึ้น ในส่วนของโครงการริเริ่มด้านการดูแลสุขภาพและโลจิสติกส์ของ Amazon โดยเฉพาะการจัดส่งด้วยโดรน คาดว่าจะเห็นการพัฒนาเพิ่มเติม นอกจากนี้เขายังตั้งกองทุนที่เรียกว่า Bezos Earth Fund เพื่อต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change)
📌 Larry Ellison
Larry Ellison ผู้ร่วมก่อตั้ง “Oracle Corporation” ซึ่งเป็นบริษัทซอฟต์แวร์ยักษ์ใหญ่ที่มีชื่อเสียงในด้านระบบการจัดการฐานข้อมูล นอกเหนือจาก Oracle แล้ว Larry Ellison ยังเป็นเจ้าของ “Lanai” เป็นเกาะที่ใหญ่เป็นอันดับหกในฮาวาย ซึ่งเขามีส่วนร่วมในโครงการด้านความยั่งยืนและการพัฒนา นอกจากนี้ เขายังลงทุนในกิจการต่างๆ ผ่านทาง “Ellison Investments” รวมถึงการประมวลผลแบบคลาวด์ การดูแลสุขภาพ และอสังหาริมทรัพย์
ปัจจุบัน Larry Ellison และตระกูล ครองตำแหน่งมหาเศรษฐีอันดับที่ 4 ด้วยมูลค่าทรัพย์สินสุทธิประมาณ 1.36 แสนล้านดอลลาร์
ความหลงใหลของ Larry Ellison ขยายไปไกลกว่าธุรกิจ เขาเป็นแกนนำที่สนับสนุนการศึกษาวิทยาศาสตร์และเป็นผู้บริจาครายใหญ่ให้กับกิจกรรมการกุศลต่างๆ ทั้งยังก่อตั้งสถาบัน Ellison Institute for Anti-Aging Research โดยมีเป้าหมายเพื่อยืดอายุขัยของมนุษย์ด้วยความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์
👉🏻 สิ่งที่น่าสนใจของ Larry Ellison ?
Larry Ellison เป็นคนที่ซับซ้อน ดูเหมือนความสนใจของเขาในด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจะเป็นหนึ่งในจุดแข็งของเขา
อย่างไรก็ตาม ไม่มีการเปิดเผยแผนระยะยาวของเขามากเท่าไรนัก แต่จากการเคลื่อนไหวล่าสุดของเขา มีแนวโน้มที่จะมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาเกาะ Lanai ให้กลายเป็นเกาะต้นแบบที่ยั่งยืน รวมถึงการพัฒนาอย่างต่อเนื่องของ Oracle ในด้าน Cloud Computing และ AI ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความปรารถนาของเขาที่จะสร้างผลกระทบที่ยั่งยืนนอกเหนือจากโลกของธุรกิจ
📌 Mark Zuckerberg
Mark Zuckerberg เป็นผู้ประกอบการอินเทอร์เน็ตและโปรแกรมเมอร์คอมพิวเตอร์ชาวอเมริกัน ซึ่งเป็นที่รู้จักในฐานะผู้ก่อตั้งและ CEO ของ Meta Platforms Inc. (เดิมชื่อ Facebook) ซึ่งหลายคนอาจเคยได้รับชมเรื่องราวของเขาผ่านทางหนังเรื่อง ‘The Social Network’ โดย Mark Zuckerberg มีความหลงใหลในเทคโนโลยีอย่างมากตั้งแต่เขากำลังศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด โดยเขาได้เริ่มสร้างเว็บไซต์โซเชียลในช่วงวัยรุ่นก่อนจะกลายเป็นที่นิยมของคนในมหาวิทยาลัย และกลายเป็น Facebook หรือ Meta อย่างในปัจจุบัน
นอกเหนือแพลตฟอร์มโซเชียลอย่าง “Facebook” แล้ว Mark Zuckerberg ยังสนใจในเทคโนโลยี Metaverse รวมถึงพัฒนาเทคโนโลยีดังกล่าว จนถึงขั้นรีแบรนด์บริษัทตัวเองเป็น Meta กันเลยทีเดียว นอกจากนี้ Mark Zuckerberg ยังขยายวงกว้างออกไปในการควบคุมสัดส่วนการเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ใน Meta Platforms ทำให้เขาสามารถควบคุม Facebook, Instagram, WhatsApp และแพลตฟอร์มอื่น ๆ ที่ใช้งานโดยคนนับพันล้านคนทั่วโลกได้อย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้เขายังลงทุนในกิจการต่างๆ ผ่าน Chan Zuckerberg Initiative (CZI) ซึ่งเป็นองค์กรการกุศลของเขาที่มุ่งเน้นด้านการศึกษา วิทยาศาสตร์ และการดูแลสุขภาพ
ปัจจุบัน Mark Zuckerberg ขึ้นแท่นมหาเศรษฐีอันดับที่ 5 ของมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในโลก ด้วยมูลค่าทรัพย์สินสุทธิประมาณ 1.26 แสนล้านดอลลาร์
👉🏻 สิ่งที่น่าสนใจของ Mark Zuckerberg ?
การเติบโตจากเด็กหอ สู่ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยี ไม่ใช่เรื่องที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกๆคน แต่ด้วยความทะเยอทะยานในด้านนวัตกรรม การมองเห็นในสิ่งที่อาจกลายเป็นอนาคตของโลกใบนี้ ซึ่งไม่อาจปฏิเสธได้ว่าเขามีอิทธิพลต่อแพลตฟอร์มโซเชียลระดับโลก
นอกจากนี้ Mark Zuckerberg ยังให้ความสนใจ และมุ่งเน้นไปที่เทคโนโลยี “Metaverse” เทคโนโลยีโลกเสมือนจริง ที่ทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับอนาคตของเทคโนโลยี ในการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่โลก Metaverse ที่ถึงแม้ว่าการพัฒนาในส่วนนี้จะทำให้บริษัทขาดทุนอย่างมากในช่วงหนึ่งก็ตามแต่เขาก็ยังคงเลือกที่จะพัฒนาต่อไป
ในปี 2024 มีความเป็นไปได้สูงว่า Mark Zuckerberg ยังคงมุ่งไปที่การพัฒนาเทคโนโลยี Metaverse รวมถึงฮาร์ดแวร์ที่ใช้ใน Metaverse อย่าง ชุดหูฟังและแพลตฟอร์มซอฟต์แวร์ นอกจากนี้ในเรื่องกฎหมายละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้ ยังเป็นที่พูดถึงกันอย่างหนาหู ทำให้เสี่ยงต่อการถูกฟ้องร้องจากหลายๆ ประเทศ
ที่มา : Forbes
ข้อมูลเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2566
เรียบเรียงจากBusiness Tomorrow