การกินกัญชาหรือใบกระท่อมอาจทำให้ “ฉี่ม่วง” หรือผลการตรวจปัสสาวะเป็นบวกต่อสารเสพติดได้ ขึ้นอยู่กับบริบทและการตรวจสอบ ดังนี้..
-
กัญชา
-
สาร THC (Tetrahydrocannabinol) ซึ่งเป็นสารออกฤทธิ์หลักในกัญชา สามารถตรวจพบได้ในปัสสาวะผ่านการตรวจสารเสพติดทั่วไป (เช่น การตรวจหาเมทาบอไลต์ของ THC อย่าง THC-COOH)
-
หากกินกัญชาในปริมาณที่มากพอและมีการตรวจภายในระยะเวลา 2-30 วัน (ขึ้นอยู่กับความถี่และปริมาณการใช้) ผลตรวจปัสสาวะอาจเป็นบวก ซึ่งบางครั้งเรียกว่า “ฉี่ม่วง” ในภาษาไทย เนื่องจากผลบวกมักถูกระบุด้วยสีม่วงในชุดทดสอบบางประเภท
-
-
ใบกระท่อม
-
ใบกระท่อมมีสารออกฤทธิ์หลักคือ มิตราไจนีน (Mitragynine) และ 7-hydroxymitragynine ซึ่งในประเทศไทย การตรวจสารเสพติดทั่วไปอาจไม่ครอบคลุมสารเหล่านี้ เนื่องจากใบกระท่อมถูกกฎหมายในบางบริบทตั้งแต่ปี 2564
-
อย่างไรก็ตาม หากมีการใช้ชุดตรวจเฉพาะสำหรับใบกระท่อม (เช่น ในบางหน่วยงานหรือการตรวจพิเศษ) อาจตรวจพบสารเหล่านี้ในปัสสาวะได้ ซึ่งอาจทำให้ผลเป็นบวกหรือ “ฉี่ม่วง” ในกรณีที่หน่วยงานนั้นกำหนดให้ใบกระท่อมเป็นสารต้องห้าม
-
ข้อควรระวัง:
-
ผลการตรวจขึ้นอยู่กับชุดทดสอบที่ใช้และนโยบายของหน่วยงานที่ตรวจ (เช่น ตำรวจ หน่วยงานราชการ หรือเอกชน)
-
หากกินกัญชาหรือใบกระท่อมในบริบทที่ถูกกฎหมาย (เช่น ใช้ทางการแพทย์หรือในปริมาณที่อนุญาต) ควรตรวจสอบนโยบายของสถานที่ทำงานหรือหน่วยงานที่ทำการตรวจด้วย
-
การตรวจปัสสาวะอาจให้ผลบวกลวงได้ในบางกรณี หากมีการใช้ยาหรือสารอื่นที่รบกวนการตรวจ
สรุป: การกินกัญชามีโอกาสสูงที่จะทำให้ “ฉี่ม่วง” ในการตรวจสารเสพติด ส่วนใบกระท่อมขึ้นอยู่กับชุดตรวจและนโยบายของหน่วยงาน หากกังวล ควรหลีกเลี่ยงการใช้ก่อนการตรวจหรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายหรือการแพทย์เพิ่มเติม.
———
สารกระท่อมอยู่ในร่างกายได้กี่วัน ?
สารสำคัญในกระท่อม เช่น Mitragynine และ 7-Hydroxymitragynine จะคงอยู่ในร่างกายเป็นระยะเวลาที่แตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ ส่วนระยะเวลาที่สารกระท่อมอยู่ในร่างกายมีดังนี้..
- ในปัสสาวะ มักตรวจพบได้ในช่วง 1-7 วัน หลังจากการบริโภค ขึ้นอยู่กับความถี่และปริมาณที่ใช้ หากใช้เป็นครั้งคราวอาจ 1-3 วัน กรณีใช้ประจำจะอยู่นานถึง 5-7 วัน
- ในเลือด สาร Mitragynine อยู่ในร่างกายได้ 1-3 วัน
- ในเส้นผม สารกระท่อมอาจอยู่ได้นานหลายเดือน (คล้ายสารเสพติดอื่นๆ) แต่ปกติจะไม่ตรวจในเส้นผมยกเว้นจะเป็นคดีความ
ปัจจัยที่ทำให้อยู่นาน ขึ้นกับ ปริมาณที่บริโภค ความถี่ในการใช้ ระบบเผาผลาญในร่างกายแต่ละคน และรูปร่างของผู้ได้รับสาร