โรงภาพยนตร์พระโขนงเธียเตอร์ :ย้อนอดีต
-เป็นโรงภาพยนตร์ที่ผ้าม่านสวยที่สุดและแพงที่สุด ใหญ่กว้างมาก..
-พระโขนงเธียเตอร์ จัดว่าเป็นโรงหนังใหญ่ที่ใหญ่ที่สุดแถวพระโขนงและอันดับต้นๆของ ก.ท.ม.
#พระโขนงเธียเตอร์
จากปากซอยสุขุมวิท 71 (ปรีดีพนมยงค์) ออกสู่ถนนสุขุมวิท ก่อนถึงแยกพระรามสี่ (กล้วยน้ำไท) ตัดกับถนนสุขุมวิท ทางด้านซ้าย เคยมีโรงภาพยนตร์ พระโขนงเธียเตอร์ และ ข้าง ๆ มีอาเซี่ยนดีพาร์ทเม้นท์สโตร์ อยู่ติดกัน
โรงภาพยนตร์พระโขนงเธียเตอร์ เปิดเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2514 ถูกสร้างขึ้นมาด้วยไอเดียของเจ้าของที่ต้องการให้เป็นโรงที่ใหญ่และทันสมัยที่สุดของเมืองไทย โดยมีคุณพูลสิน ลีฬหะพันธ์ และคุณกำธร โกวิทยะวงศ์ เป็นเจ้าของโครงการ มีคุณประเสริฐ ศรีสมทรัพย์ เป็นผู้จัดการโรง (คุณประเสริฐ ศรีสมทรัพย์ เป็นผู้บริหารเครือโรงภาพยนตร์ พระโขนงรามา ศรีย่าน สุริยาเธียเตอร์ ด้วย)
อาคารทั้งหมดใช้เงินลงทุนก่อสร้าง 20 ล้านบาท ใช้เวลาก่อสร้าง 1 ปี ด้วยการออกแบบของสมวงศ์ เกิดเนตร ภายในโรงปูด้วยกระเบื้องยางเพื่อไม่ให้เกิดเสียงเดิน ที่นั่งเป็นเก้าอี้แบบที่เอนหลังได้ โดยมีความจุถึง 2500 – 3000 ที่นั่ง ซึ่งนับได้ว่า เป็นโรงภาพยนตร์ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคแถบนี้เลยทีเดียว จนทำให้มีคณะวงดนตรีดัง ๆ จากต่างประเทศ เช่น Sherbet, Ozibisa, David Essax, และ Ian Gillan เป็นต้น รวมถึงวงสตริง ลูกทุ่ง ลูกกรุง ของไทย เช่น วง The Impossible ก็เคยมาจัดงานที่นี่ด้วย
ด้านข้างขวาของโรงภาพยนตร์พระโขนงเธียเตอร์ก็ยังมีห้างอาเซี่ยนดีพาร์ทเมนท์สโตร์ภายในมีร้านอาหารญี่ปุ่น เทปปังเท สุกี้บะหมี่หลายหลาย และร้านอาหารจีน ออกัสมูน ด้วย
ต่อมาในปีพ.ศ. 2536 โรงนี้ได้ถูกแบ่งออกเป็น 3 โรงตามความนิยมในยุคนั้น โดยชั้นล่างของโรงที่มีขนาดใหญ่กลายเป็นโรง 1 โรงมินิเธียเตอร์ที่ชั้น 2 กลายเป็นโรง 2 และชั้น balcony ของโรง กลายเป็นโรง 3 ( ตามภาพที่ 8 ) และปิดตัวไปอย่างเงียบ ๆโดยไม่มีแม้แต่ข่าวหรือผู้ใดจะมาสนใจในราวปีพ.ศ. 2546
ปัจจุบันนี้ ที่ตั้งของโรงภาพยนตร์พระโขนงเธียเตอร์ และ อาเชี่ยนดีพาร์ทเมนท์สโตร์ ได้กลายเป็นโรงแรม Hope Land ที่บริเวณโรงหนังเดิม ซึ่งเดิมอยู่ใจกลางของตัวอาคาร กลายเป็นสวนและสระว่ายน้ำของโรงแรม และตัวอาคารที่ล้อมโรงทั้งสี่ด้าน กลายเป็นห้องของโรงแรม
△ภาพห้างอาเซี่ยนดีพาร์ทเมนท์สโตร์ ตึกสีชมพูด้านหลังคือโรงภาพยนตร์พระโขนงเธียเตอร์ ด้านขวาของภาพคือปากซอยสุขุมวิท 71 (ปรีดีพนมยงค์) ซึ่งมีร้านดังกิ้นโดนัท อยู่ตรงหัวมุมปากซอย ภาพถ่ายเมื่อปีพ.ศ. 2531
Cr. ภาพจาก Jiraphat Maluangnont
————–
“…ภายนอกหรูหรามากและบริการก็ไม่แพ้โรงหนังดังๆ ข้างในคล้ายโรงภาพยนตร์สกาล่า แต่กว้างกว่ามากๆ
ผ้าม่านจอสีเหลือง พื้นและกลิ่นสะอาด เก้าอี้เทียบเท่าโรงหนังชั้นหนึ่ง เข้าไปครั้งแรกตื่นตาตื่นใจที่ความใหญ่โต คนดูเห็นแต่หัวดำเล็กๆเต็มไปหมด อะไรจะขนาดนั้น ..
ยุคแรก ถ้าดูโรงใหญ่ย่านสยามสแควร์ไม่ทัน ก็รอดูที่นี่ได้เลย แถมได้กำไรเพราะหนังควบราคาเดียว จะนั่งแช่ยังไงก็ตามใจ…
และโรงหนังนี้ในปี พ.ศ. 2543 ก็ยังเปิดให้บริการแต่โรงหนังถูกลดเกรดลงเป็นโรงหนังชั้นสองไปแล้ว… ตรงกลางเป็นบันไดหินขัดมันลื่นมากๆ สองข้างเป็นบันไดเลื่อน ขึ้นไปเจอห้องขายตั๋ว
ซื้อตั๋วเสร็จแล้วยังต้องเดินขึ้นไปอีกชั้นถึงจะถึงทางเข้า ในโรงแบ่งเป็นชั้นล่างกับชั้นบน แม้ชั้นบนจะถูกกั้นเป็นโรงเล็กอีกโรงแต่ชั้นล่างก็ยังใหญ่โตมากอยู่ดี ..
ทางเดินกลางมี 2 แถว ซึ่งโรงส่วนมากมีแค่แถวเดียว ห้องฉายอยู่หลังสุด แต่คงเป็นเพราะระยะฉายและขนาดจอที่โตมากๆจึงทำให้ภาพบนจอจะไม่สว่างเท่าใดนัก คลาสสิคไปอีกแบบ
บนเพดานมีไฟประดับด้วย ผนังโรงด้านข้างมีการกั้นคอกทำเป็นที่นั่ง VIP เล็กๆ ไว้ทั้งสองข้างซ้าย-ขวา ดูแล้วเท่มากเลย ที่นั่งข้างล่างนี่นับดูคร่าวๆ ก็ไม่ต่ำกว่า 2,500-3,000 ที่นั่ง…หลังจากนั้นประมาณต้นปี พ.ศ. 2546 โรงหนังก็ปิดตัวลงเนื่องจากแพ้ความนิยมโรงหนังในห้าง”
ท่านใดมีภาพหรือข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาแนะนำได้ที่นี่นะครับ FB Anuchit Suwanarat
cr: https://propholic.com/prop-talk/%E0%..