
รายได้หรือ “ค่าตัว” ของนักแข่งโมโตครอสอาชีพในอเมริกา (โดยเฉพาะในรายการ AMA Supercross และ Pro Motocross) มีความเหลื่อมล้ำสูงมาก โดยแบ่งกลุ่มรายได้ตามระดับความสามารถและสังกัดทีม ดังนี้..
ที่มา https://www.thaimotocar.com/2025/12/28/pro-motocross/
1. กลุ่มนักแข่งระดับซูเปอร์สตาร์ (Factory Riders – Top Tier)
นักแข่งกลุ่มนี้คือกลุ่มที่อยู่หัวแถวของตาราง เช่น Jett Lawrence, Eli Tomac หรือ Chase Sexton
- ค่าตัวรายปี (Base Salary): ประมาณ 2 – 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (70 – 175 ล้านบาท) ต่อปี (เฉพาะเงินเดือนจากค่ายรถ เช่น Honda, KTM, Yamaha)
- โบนัสแชมป์: หากคว้าแชมป์รายการใหญ่ อาจได้โบนัสจากค่ายรถและสปอนเซอร์เพิ่มอีก 1 ล้านดอลลาร์ (35 ล้านบาท) ต่อรายการ
- รายได้รวม: เมื่อรวมสปอนเซอร์ส่วนตัว (เช่น Red Bull, Monster Energy, Oakley) และการขายสินค้า (Merchandise) นักแข่งอย่าง Jett Lawrence อาจมีรายได้สูงถึง 8 – 10 ล้านดอลลาร์ (280 – 350 ล้านบาท) ต่อปี
2. กลุ่มนักแข่งทีมโรงงานทั่วไป (Factory Riders – Mid Tier)นักแข่งที่สังกัดทีมโรงงานแต่ไม่ได้เป็นตัวเต็งแชมป์ทุกสนาม
- ค่าตัวรายปี: ประมาณ 200,000 – 500,000 ดอลลาร์ (7 – 17.5 ล้านบาท)
- รายได้เสริม: จะเน้นไปที่ “เงินรางวัลในสนาม” (Purse Money) และโบนัสจากการขึ้นโพเดียม ซึ่งในปัจจุบันรายการ SuperMotocross (SMX) มีเงินรางวัลสูงมาก
3. กลุ่มนักแข่งอิสระ (Privateers)กลุ่มนี้คือหัวใจของวงการแต่มีรายได้น้อยที่สุด หลายคนต้องหาเงินเองเพื่อมาแข่ง
- ค่าตัว: ไม่มีเงินเดือนประจำ
- รายได้หลัก: มาจากเงินรางวัลในสนาม (Purse Money) ซึ่งหากเข้ารอบชิง (Main Event) ได้ในอันดับท้ายๆ อาจได้เงินเพียง 1,500 – 3,000 ดอลลาร์ (50,000 – 100,000 บาท) ต่อสนาม ซึ่งมักจะไม่พอกับค่าเดินทางและค่าบำรุงรักษาเครื่องยนต์
ตารางสรุปเงินรางวัลในสนาม (โดยประมาณปี 2024-2025)
| รายการ / อันดับ | อันดับ 1 (ชนะเลิศ) | อันดับ 10 | อันดับ 20 |
| Supercross (450SX) | ~$14,000 (5 แสนบาท) | ~$3,000 (1 แสนบาท) | ~$2,000 (7 หมื่นบาท) |
| SMX Playoff (450) | $100,000 (3.5 ล้านบาท) | $7,500 (2.6 แสนบาท) | $4,000 (1.4 แสนบาท) |
| แชมป์ SMX ประจำปี | $1,000,000 (35 ล้านบาท) | $75,000 (2.6 ล้านบาท) | $25,000 (8.7 แสนบาท) |
ข้อน่าสังเกต:
- ความลับของสัญญา: ค่าตัวนักแข่งโมโตครอสในอเมริกาจะไม่มีการเปิดเผยตัวเลขที่แน่นอนเหมือนนักกีฬา NBA หรือ NFL เนื่องจากเป็นสัญญาปิดระหว่างนักแข่งกับค่ายรถ
- ค่าใช้จ่ายสูง: นักแข่งกลุ่ม Privateer ต้องจ่ายค่าช่าง ค่าอะไหล่ และค่าเดินทางเองทั้งหมด ทำให้หลายคนมีรายได้สุทธิ “ติดลบ” หรือแค่พออยู่รอดเท่านั้น
- ยุคทองของเงินรางวัล: ตั้งแต่มีการรวมรายการเป็น SuperMotocross World Championship เงินรางวัลรวมพุ่งสูงถึง 10 ล้านดอลลาร์ ทำให้รายได้นักแข่งแถวหน้าเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล