เตือนภัย » ภารโรง วัย 46 ปี รับ9.26 พันล้าน จาก บ.ยาฆ่าหญ้า หลังใช้ประจำ จนเกิดมะเร็ง

ภารโรง วัย 46 ปี รับ9.26 พันล้าน จาก บ.ยาฆ่าหญ้า หลังใช้ประจำ จนเกิดมะเร็ง

15 สิงหาคม 2018
1756   0

http://bit.ly/2Ozl3qQ

ศาลสหรัฐอเมริกา พิพากษาให้ มอนซานโต บริษัทเคมีเกษตรชื่อดัง จ่าย 9.26 พันล้านบาท เป็นค่าเสียหายให้กับอดีตภารโรง วัย 46 ปี หลังใช้ยาฆ่าหญ้าของบริษัท จนป่วยเป็นโรคมะเร็ง..

 

11 สิงหาคม 2561 เว็บไซต์ฟอร์จูน รายงานว่า ศาลสูงรัฐแคลิฟอร์เนีย ตัดสินให้ บ.มอนซานโต (Monsanto) บริษัทผู้ผลิตสินค้าเคมีเกษตรยักษ์ใหญ่ของโลก จ่ายเงินค่าชดเชยจำนวน 289 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 9.26 พันล้านบาท ให้กับ นายดเวย์น จอห์นสัน อดีตภารโรง วัย 46 ปี เนื่องจากยาฆ่าหญ้า ราวด์อัพ (Round Up) หนึ่งในสินค้าของมอนซานโต ที่เขาใช้อยู่เป็นประจำ ได้ส่งผลกระทบต่อร่างกายของเขาจนก่อให้เกิดโรคมะเร็ง และจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน ซึ่งคดีดังนี้จะกลายเป็นคดีตัวอย่างครั้งสำคัญ สำหรับผู้ได้รับผลกระทบจากยาฆ่าหญ้าในอนาคต..

ดเวย์นเคยทำงานเป็นภารโรงประจำโรงเรียนแห่งหนึ่งในเมืองเบนิเซีย รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา มาเป็นเวลานานหลายปี นอกจากการตรวจตราดูแลความสะอาดเรียบร้อยของโรงเรียนแล้ว หน้าที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งของเขาคือการกำจัดวัชพืชในรั้วโรงเรียน โดยเฉพาะในสนามหญ้า

ข้อมูลจากสำนักข่าวซีบีเอสนิวส์ ระบุว่า ดเวย์นจัดการกับวัชพืชเหล่านี้ด้วยยาฆ่าหญ้า Round Up ในแต่ละครั้ง เขาจะผสมยาลงในถังขนาด 50 แกลลอน แล้วใช้ฉีดพ่นทั่วบริเวณที่ต้องการ เขามักจะกำจัดหญ้าประมาณเดือนละ 1-2 ครั้ง รวมแล้ว 20-30 ครั้งปี ปริมาณยาฆ่าหญ้าที่ใช้ทั้งหมดรวมแล้วกว่า 150 แกลลอนต่อปี

ดเวย์นรู้ว่ายาฆ่าหญ้าเป็นสารเคมีที่ฆ่าหญ้าให้ตายได้ ดังนั้นจึงไม่น่าจะส่งผลดีต่อร่างกายมนุษย์ด้วยเช่นกัน โดยในการฉีดพ่นยาฆ่าหญ้าแต่ละครั้ง ดเวย์นจะใช้งานอย่างระมัดระวัง และสวมเสื้อผ้าปกปิดมิดชิดอยู่เสมอ แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อฉีดพ่นสารเคมีเหล่านี้ออกไปแล้ว มันก็กระจายออกไปในอากาศ และลมก็จะพัดปลิวกลับมาสัมผัสโดนผิวหนังในส่วนต่าง ๆ ของดเวย์น ตั้งแต่ใบหน้า มือ และลำตัว ถึงแม้ว่าเขาจะปกปิดร่างกายเท่าที่ทำได้แล้ว แต่นั่นก็ไม่เพียงพอในการป้องกันอันตรายจากยาฆ่าหญ้าตัวนี้ และมีอยู่ครั้งหนึ่ง ดเวย์นเผลอทำยาฆ่าหญ้าหกรดตัวเอง เขารีบโทร. ไปหาสายด่วนของมอนซานโตเพื่อสอบถามข้อมูล เนื่องจากไม่แน่ใจว่ามันอันตรายแค่ไหน และควรจัดการอย่างไร แต่ทางบริษัทไม่เคยติดต่อกลับมาหาเขาเลย..

จนกระทั่งในปี 2557 หรือเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ดเวย์นล้มป่วยลง ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยสะเก็ดแผลตามจุดต่าง ๆ ทั้งมือ ใบหน้า และทั่วลำตัว สะเก็ดแผลเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อชีวิตของดเวย์นอย่างมาก มันทำให้เขาไม่กล้าออกไปเจอหน้าผู้คนเหมือนเก่า และทำให้เขารู้สึกอับอายเวลาอยู่ต่อหน้าลูก ๆ เมื่อเขาตัดสินใจไปตรวจร่างกายก็พบว่าเขาไม่ได้เป็นแค่โรคผิวหนังปกติธรรมดาทั่วไป แต่เขากำลังเป็นโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดนอน-ฮอดจ์กิน (Non-Hodgkin’s Lymphoma) และอันตรายร้ายแรงถึงชีวิต

 

หน่วยงานด้านสิ่งแวดล้อมของสหรัฐอเมริกา กล่าวว่า ยาฆ่าหญ้า Round Up นั้นปลอดภัย และประชาชนต้องใช้ตามวิธีการที่ระบุบนฉลากอย่างเคร่งครัด แต่อย่างไรก็ตาม สารเคมีหลักในยาฆ่าหญ้า Round Up ของมอนซานโต เป็นตัวยาที่ชื่อ ไกลโฟเซต (Glyphosate) ซึ่งศูนย์วิจัยมะเร็งประจำองค์การอนามัยโลกจัดว่าเป็นสารเคมีที่ก่อมะเร็งในมนุษย์ และทางมอนซานโตก็ค้นพบเรื่องนี้มาตั้งแต่ทศวรรษที่ 1970 แต่พวกเขาไม่ได้ประกาศเตือนประชาชนถึงอันตรายของมัน ดเวย์นจึงฟ้องร้องดำเนินคดีกับทางมอนซานโต เนื่องจากทางบริษัทไม่ได้แจ้งเตือนใด ๆ ว่ายาฆ่าหญ้า Round Up สามารถก่อให้เกิดโรคมะเร็งได้

เมื่อคดีนี้ถูกนำมาพิจารณาในชั้นศาล ทนายความของมอนซานโตแย้งว่า มะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดนอน-ฮอดจ์กิน ใช้เวลานานหลายปีกว่าจะแสดงอาการ และกล่าวว่าดเวย์นอาจจะล้มป่วยด้วยโรคนี้ ตั้งแต่ก่อนเริ่มทำงานเป็นภารโรง และก่อนหน้าที่เขาจะเริ่มใช้ยาฆ่าหญ้า Round Up นอกจากนี้แล้ว ทางบริษัทยังได้ออกมาปฏิเสธว่า สารไกลโฟเซตในยาฆ่าหญ้า Round Up ไม่ได้เป็นสารก่อมะเร็ง และกล่าวว่ามีงานวิจัยหลายชิ้นที่ยืนยันว่ามันปลอดภัย แต่ทางฝั่งทนายของดเวย์นก็ได้นำหลักฐานต่าง ๆ มาเปิดเผยในชั้นศาล ว่าโรคนี้ส่งผลกระทบต่อชีวิตของเขาอย่างไรเช่นกัน

ทั้งนี้ คณะลูกขุนลงความเห็นว่า ทางบริษัทมอนซานโตรู้ดีว่าตัวเองทำผิด แต่เลือกที่จะปล่อยปละละเลยจนส่งผลกระทบต่อชีวิตมนุษย์ และไม่ได้มีแค่ดเวย์นคนเดียวเท่านั้นที่ได้รับผลกระทบ ผู้พิพากษาจึงตัดสินให้ดเวย์นชนะคดี และให้มอนซานโตจ่ายค่าเสียหายให้กับเขา ซึ่งดเวย์นก็จะนำเงินส่วนนี้ไปรักษาตัวเอง เพื่อยืดเวลาในช่วงสุดท้ายของชีวิต ให้อยู่กับครอบครัวได้นานขึ้น.