โลกโซเชียล » เฟซบุ๊กเปิดตัวสกุลเงินดิจิทัล”Libra”ช็อปได้ทั่วโลก!! พนักงานแบงก์ตกงานนับหมื่น

เฟซบุ๊กเปิดตัวสกุลเงินดิจิทัล”Libra”ช็อปได้ทั่วโลก!! พนักงานแบงก์ตกงานนับหมื่น

25 มิถุนายน 2019
1890   0

อีกก้าวที่แรงมากของเฟซบุ๊ก จะนำ “ลิบร้า” หรือสกุลเงินดิจิทัล (cryptocurrency) มาใช้ในปี 2563 แค่เห็นชื่อ 27 พันธมิตรระดับโลกร่วมจับมือ จะใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนมาเป็นระบบชำระเงินหลักของคนทั่วโลกในการทำธุรกรรมต่างๆ ระหว่างประเทศ อาจทำวงการสถาบันการเงินทั่วโลกสั่นสะเทือนครั้งใหญ่..

พร้อมๆ กับสมมติกันว่า หากคนใช้เฟซบุ๊กทั่วโลกพันกว่าล้านคน หันมาใช้สกุลเงิน“ลิบร้า”(Libra) กันทั้งหมดในอนาคต เท่ากับว่าเฟซบุ๊กเป็นรัฐ รัฐหนึ่ง เปรียบเหมือนประเทศหนึ่งที่ไม่ต้องมีพื้นที่ทางภูมิศาสตร์

ชื่อ Libra นั้นมีหลายเหตุผล นอกจากความหมายที่เป็นหน่วยวัดน้ำหนักโรมันที่เกี่ยวข้องกับเหรียญแล้ว ชื่อนี้ยังมาจากเครื่องหมายทางโหราศาสตร์รูปตาชั่งที่แสดงถึงความสมดุล และอีกส่วนหนึ่งมาจากคำภาษาฝรั่งเศส “libre” ซึ่งหมายถึงอิสรภาพ รวมกันเป็นเงินที่ผู้ถือจะได้รับความยุติธรรมและอิสระ ตามแนวคิดหลักของโครงการนี้

สิ่งที่คิดๆ อาจเป็นจริงได้ด้วยหลายเหตุผล ควบคู่กับข้อดีข้อเสียที่จะตามมา “รศ.ดร.ยุทธพร อิสรชัย” ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์การเมือง มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช วิเคราะห์ผ่าน “ทีมข่าวเจาะประเด็นไทยรัฐออนไลน์” ว่า สกุลเงินดิจิทัลเป็นปรากฏการณ์ในยุคโลกแห่งความผันผวน ซึ่งคาดเดาได้ยาก เช่น เทคโนโลยีก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของผู้คน แม้ว่าเรื่องการเงินจะถูกควบคุมโดยธนาคารแห่งประเทศไทยและนโยบายต่างๆของรัฐก็ตาม แต่ในยุคดิจิทัลมีการก้าวข้ามพรมแดน จึงมีทั้งลบและบวกในการใช้เงินดิจิทัล เพราะฉะนั้นโอกาสการฟอกเงินโดยผ่านกลไกเหล่านี้ก็เป็นไปได้

นอกจากนี้ยังเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยทางไซเบอร์ เช่น แชร์ลูกโซ่ เป็นภัยด้านลบมีการหลอกซื้อเงินบิตคอยน์ โดยเฉพาะความปลอดภัยทางไซเบอร์ของไทยมีช่องว่างมากที่สุดของโลก ไม่มีวิธีกำกับดูแล ..

ยกตัวอย่างอีเมล์ภาครัฐใช้ติดต่อกับหน่วยงาน พบว่ามีจุดบอดเรื่องความปลอดภัย แตกต่างกับต่างประเทศ ซึ่งมีกลไกรัฐเข้ามากำกับ และแม้เฟซบุ๊กจะมีบล็อกเชนที่ดีในการเป็นตัวกลางรองรับการทำธุรกรรม แต่มองว่ายังเป็นปัญหาไม่มีกลไกที่ดีในการป้องกันการถูกแฮก

ส่วนไทยมีพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 ที่เป็นกฎหมายเฉพาะในการกำกับดูแล แต่พบว่ามีการออกมาเพื่อความมั่นคงของรัฐ เป็นการเอาผิดเฉพาะผู้กระทำความผิดต่อรัฐ โดยไม่มีกฎหมายเข้ามาจัดการเกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตของผู้คน และคุ้มครองการใช้เงินของผู้คน

สำหรับข้อดีของการใช้สกุลเงินลิบร้า เป็นการสนับสนุนการค้าระหว่างประเทศในการทำธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ซึ่งจะขยายตัวมากขึ้นในการติดต่อผู้คนจะเพิ่มสูงขึ้นในอนาคต จากเดิมทำธุรกรรมระหว่างประเทศจำกัดเฉพาะในกลุ่มทุนขนาดกลางและขนาดใหญ่ ดังนั้นเมื่อคนทั้งโลกใช้เฟซบุ๊ก จะทำให้โอกาสในการใช้สกุลเงินลิบร้าขยายตัวมากขึ้น อย่างเช่น ยูทูบ เป็นปรากฏการณ์ที่ทำให้คนมีสื่อของตัวเองเปลี่ยนโลกของสื่อ จะเหมือนกับปรากฏการณ์ลิบร้าที่จะทำให้เปลี่ยนโลกแห่งการเงิน ก่อให้เกิดการซื้อขายในโลกแบบไร้พรมแดน และในที่สุดจะเกิดปัญหากับสกุลเงินทุกสกุลในโลก รวมทั้งเงินบาทของไทย

“สุดท้ายคนในโลกไม่ใช้เงินสกุลต่างๆ และหันมาใช้สกุลเงินลิบร้าทั้งหมด โดยธนาคารชาติของประเทศต่างๆ หรือธนาคารแห่งประเทศไทย ก็ไม่สามารถกำกับดูแลได้ จะทำให้เกิด 2 ปรากฏการณ์ คือ..

1. ปรากฏการณ์ข้ามรัฐกลายเป็นโลกไร้พรมแดน เกิดการขยายโอกาสทางเศรษฐกิจ

2. ปรากฏการณ์ลอดรัฐ ซึ่งรัฐหรือกฎหมายเข้าไปไม่ถึง ไม่สามารถตรวจสอบการฟอกเงินได้ ยิ่งไทยมีช่องว่างความปลอดภัยทางไซเบอร์ จึงเป็นสวรรค์ของแฮกเกอร์ทั้งหลาย เพราะหน่วยงานรัฐและบุคลากรก้าวไม่ทันในการใช้กฎหมาย แม้มีกระทรวงดิจิทัลฯก็ตาม แต่ไม่เคยทำให้คนไทยรู้เท่าทันเรื่องดิจิทัล ทั้งการใช้และเรื่องความปลอดภัย”

พร้อมให้จับตาดูการใช้สกุลเงินลิบร้าจะเป็นประวัติศาสตร์ ซึ่งคนทั้งโลกจำเป็นต้องใช้ จนไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ในการไม่เปิดรับในการใช้สกุลเงินลิบร้า ส่วนจะเหมาะสมกับสังคมไทยหรือไม่นั้นไม่พูดถึง เพราะท้ายสุดแล้วคนไทยต้องใช้ เนื่องจากคนไทยใช้เฟซบุ๊กเป็นลำดับต้นๆของโลก และต่อไปการที่รัฐจะปิดกั้นคงทำไม่ได้ ต้องปรับให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของโลกที่เกิดขึ้น..

ในแง่ผลกระทบต่อสถาบันการเงินของไทยมีอย่างแน่นอน โดยรูปแบบของธนกิจการเงินต้องเปลี่ยนไป จากเดิมมีรายได้จากดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียม จะมาสู่นันแบงก์ (Non-Bank) เพราะเมื่อมีสกุลเงินลิบร้า หรือสกุลเงินดิจิทัลมาแทนที่ในยุคโลกแห่งความผันผวน จะทำให้รายได้จากการรับรองธุรกรรมของแบงก์หายไป และการปฏิวัติเงินตราก็จะน้อยลง ส่งผลให้องค์กรสถาบันการเงินต้องเล็กลง ทำให้ใช้จำนวนพนักงานน้อยลงตามมา อีกทั้งมีการใช้เทคโนโลยี AI (เอไอ) เข้ามาแทนคนในยุคดิจิทัล คาดว่าจะมีพนักงานสถาบันการเงินตกงานหลักหมื่นคนในอนาคตอันใกล้นี้

สรุปว่าการที่คนทั่วโลกใช้เฟซบุ๊กพันกว่าล้านคน เทียบเท่ากับจำนวนประชากรในประเทศจีน ซึ่งการใช้สกุลเงินลิบร้าจะเพิ่มมากขึ้นต่อเนื่อง อาจทำให้เฟซบุ๊กเป็นรัฐขึ้นมาได้ โดยไม่ต้องมีพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ ซึ่งจะเอื้อต่อการเกิดปัจเจกบุคคลที่เป็นอิสระเสรีขึ้นมา จนเกิดปรากฏการณ์รอบรัฐที่เต็มไปด้วยอาชญากรและกลุ่มฟอกเงิน ซึ่งในที่สุดสกุลเงินลิบร้าจะเต็มพื้นที่โลกมากกว่าสกุลเงินทั่วไปในอนาคตโปรดติดตามดูต่อไป.

ขอบคุณ https://www.thairath.co.th/news/business/finance-banking/1599231
https://mgronline.com/cyberbiz/detail/9620000058079
https://www.google.com/search?q=%E0%B9%80%E0%B8..