เตือนภัย » “หมอธีระ”ห่วง’โควิด’ระบาดระลอก2 ..เพราะจะแรง เร็ว คุมยาก ยืนยันไม่ใช่ไวรัสกระจอก

“หมอธีระ”ห่วง’โควิด’ระบาดระลอก2 ..เพราะจะแรง เร็ว คุมยาก ยืนยันไม่ใช่ไวรัสกระจอก

19 ธันวาคม 2020
1621   0

“หมอธีระ”ห่วง’โควิด’ระบาดระลอก2 ..เพราะจะแรง เร็ว คุมยาก ยืนยันไม่ใช่ไวรัสกระจอก
19 ธันวาคม 2563 รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊ก “Thira Woratanarat” แสดงความเป็นห่วงสถาการณ์ โควิด-19 ทั่วโลก หลังจากล่าสุดพบว่า อินเดียมียอดผู้ติดเชื้อทะลุ 10 ล้าน เป็นประเทศที่สองของโลก 
สถานการณ์ทั่วโลก 19 ธันวาคม 2563…
-อินเดียมียอดทะลุ 10 ล้านแล้ว ถือเป็นประเทศที่สองของโลก
-เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่มถึง 692,917 คน รวมแล้วตอนนี้ 75,857,686 คน ตายเพิ่มอีก 12,197 คน ยอดตายรวม 1,677,984 คน
-อเมริกา เมื่อวานติดเชิ้อเพิ่ม 236,629 คน รวม 17,805,150 คน ตายเพิ่มอีก 2,911 คน ยอดตายรวม 320,002 คน
อินเดีย ติดเพิ่ม 27,065 คน รวม 10,004,825 คน
-บราซิล ติดเพิ่มถึง 52,545 คน รวม 7,162,978 คน
-รัสเซีย ติดเพิ่มอีก 28,552 คน รวม 2,791,220 คน
-ฝรั่งเศส ติดเพิ่ม 15,674 คน รวม 2,442,990 คน
-อันดับ 6-10 เป็น ตุรกี สหราชอาณาจักร อิตาลี สเปน และอาร์เจนตินา ส่วนใหญ่ติดกันหลายพันถึงหลักหมื่นต่อวัน
-เยอรมัน เนเธอร์แลนด์ สวีเดน โปแลนด์ ยูเครน แคนาดา รวมถึงอิหร่าน บังคลาเทศ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น มาเลเซีย เมียนมาร์ และเกาหลีใต้ ติดกันเพิ่มหลักพันถึงหลายหมื่น
คาดว่าพรุ่งนี้เยอรมันน่าจะแซงโคลอมเบียขึ้นเป็นที่ 11 ของโลกได้
แถบสแกนดิเนเวีย รอบทะเลบอลติก และแถบยูเรเชียยังไม่ดีขึ้น ติดเชื้อเพิ่มอย่างต่อเนื่อง
-สวีเดน เคยเน้นมาตรการที่ไม่บังคับเข้มงวด แต่สุดท้ายแล้วก็ทำให้ประสบปัญหาการระบาดหนัก ล่าสุดทางกษัตริย์ของสวีเดนทรงออกมาชี้แนะว่ามาตรการที่ผ่อนคลายแบบที่เคยทำมานั้นไม่สามารถควบคุมโรคได้ และมีคนเสียชีวิตจำนวนมาก
-เดนมาร์กติดเพิ่มหนักมากขึ้นไปอีก ทำลายสถิติเดิม 4,508 คน นอกจากนี้ใช้เวลาแค่ 5 วันในการมียอดติดเชื้อสะสมแซง 7 ประเทศ ทั้งโอมาน อียิปต์ เอธิโอเปีย ปาเลสไตน์ ตูนีเซีย ฮอนดูรัส และเมียนมาร์
-ส่วนจีน ฮ่องกง นิวซีแลนด์ และออสเตรเลีย ติดเพิ่มหลักสิบ ในขณะที่สิงคโปร์ และเวียดนาม ยังมีติดเพิ่มต่ำกว่าสิบ
..สถานการณ์ในเมียนมาร์ เมื่อวานติดเพิ่มขึ้นอีก 1,116 คน ตายเพิ่มอีก 21 คน ตอนนี้ยอดรวม 114,198 คน ตายไป 2,398 คน อัตราตายตอนนี้ 2.1%
วันนี้เป็นวันครบรอบ 9 เดือน นับจากวันที่ 19 มีนาคม 2563 ที่โรงเรียนแพทย์ได้เรียนเสนอให้นายกรัฐมนตรีและรัฐบาล ตัดสินใจดำเนินมาตรการเข้มข้นเพื่อจัดการการระบาดในระลอกแรก
นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เราจึงมีตัวเลขติดเชื้ออยู่ระดับหลักพันดังเช่นวันนี้
เราช่วยกันทั้งประเทศอย่างเต็มที่เพื่อจัดการระลอกแรกได้ แต่ปัจจุบันคงต้องยอมรับกันเสียทีว่าสถานการณ์มีความเสี่ยงมากที่จะเกิดการระบาดซ้ำ
เนื่องจากมีเคสติดเชื้อในประเทศหลากหลายรูปแบบ หลายเคสหาต้นตอไม่ได้ นอกจากนี้ยังมีปัญหาการลักลอบเข้าเมืองอีกจำนวนไม่น้อย
ล่าสุดของเคสติดเชื้อที่ตลาดแพปลานั้น หากวิเคราะห์ตามหลักระบาดวิทยาแล้ว เหมือนเป็นปรากฏการณ์ swiss cheese phenomenon คือรูของเนยแข็งมาเรียงตรงกันพอดี
ทั้งในแง่ของตัวผู้ติดเชื้อที่ดูจะมีประวัติไม่ค่อยได้ใส่หน้ากากป้องกัน ทำอาชีพที่ต้องพบปะคนเยอะทั้งคนงานและคนที่มาซื้อของ นอกจากนี้ในแง่ของเชื้อที่มีนั้นก็มีปริมาณมาก โอกาสแพร่กระจายไปสู่ผู้อื่นย่อมสูง และในแง่ของสิ่งแวดล้อม ที่มีโอกาสแออัด และมีการจับต้องสิ่งของสาธารณะต่างๆ ร่วมกันได้มาก
จำนวนผู้ติดเชื้อที่รายงานกันมาดูเพิ่มขึ้นจากเดิม และยังไม่รู้ว่าจะจบลงที่ตัวเลขเท่าใด ลักษณะแบบนี้ผมจัดเป็น superspreading event หรือการแพร่ในวงกว้าง ที่ต้องรีบจัดการอย่างเร่งด่วนและเข้มงวด
สถานการณ์เช่นนี้ ควรพิจารณาคัดกรองคนเข้าออกพื้นที่จังหวัด รณรงค์ให้เลี่ยงการเดินทางเข้าออกโดยไม่จำเป็น ใส่หน้ากาก 100% และให้ประชาชนทุกคนในพื้นที่สังเกตอาการตนเองและสมาชิกในครอบครัว รวมถึงการเร่งทำการตรวจคัดกรองโควิดวงกว้าง เน้นการตรวจให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
การจะจัดการปัญหานี้ ใช้เวลามากกว่าหนึ่งสัปดาห์แน่นอน
การสั่งหรือประกาศนโยบายอะไรออกไปในช่วงวิกฤตินั้น ต้องใช้สติ และปัญญาในการไตร่ตรองอย่างรอบคอบ มิฉะนั้นแทนที่จะเกิดผลดี กลับทำให้เกิดภาวะเครียด และโอกาสผิดพลาดสูงขึ้นได้
หวัดธรรมดา…เห็นคำนี้ก่อนระลอกแรกมาแล้ว โชคดีที่ทุกคนในประเทศช่วยกันเต็มที่จึงรอดมาได้ ดังนั้นมันจึงไม่ใช่หวัดธรรมดา
ไวรัสกระจอก...เห็นคำนี้แล้ว เราต้องสู้ทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้เกิดการระบาดระลอกสอง เพราะจะแรง เร็ว คุมยาก ยืนยันว่ามันไม่ใช่ไวรัสกระจอก เห็นชัดๆ ว่าติดไปแล้วเกือบ 76 ล้าน ตายไปแล้วกว่า 1.6 ล้านคนทั่วโลก
#โควิดไม่ใช่โรคประจำถิ่น
#การติดเชื้อไม่ใช่เรื่องปกติ
#ยึดติด0ไม่ได้แต่เลี่ยงการนำความเสี่ยงสู่ประเทศได้
#ไม่ใช่เน้นโกยเงินแลกเชื้อ
ขอเป็นกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ภาคสนามทุกท่านครับ
cr:
ด้วยรักต่อทุกคน
รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์
คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย