โป๊ะเช๊ะ ดอท คอม

”ชูวิทย์” ท้าชก“สันธนะ” มวยแรง ..ดูประวัติทั้งคู่ไม่ธรรมดา

ชูวิทย์ ท้าชก“สันธนะ” มวยแรง ..ดูประวัติทั้งคู่ไม่ธรรมดา

เกิดศึกปะทะคารมอย่างดุเดือด จนหวิดฟาดปากหน้าโรงพักทองหล่อเมื่อช่วงหัวค่ำวันที่ 9 พ.ย. 2565 ถึงขั้นประกาศขอจองล้างจองผลาญ ระหว่างอดีตนายตำรวจจอมปูด “สันธนะ ประยูรรัตน์” กับจอมแฉ “ชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์” ที่ออกมาแฉไม่หยุดกลุ่มนายทุนจีนเข้ามาทำธุรกิจผิดกฎหมายในไทย ก่อนที่อีกฝ่ายออกมาเปิดเผยคลิปสถานบันเทิงในโรงแรมของชูวิทย์ เปิดเกินเวลาและสงสัยว่าจะมีการมั่วสุมยา..

การออกมาเผชิญหน้ากันของทั้งคู่ ถือเป็นมวยถูกคู่มีความสูสีในเรื่องแนวบู๊ ออกโรงชนดะฉะแหลกไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม ต่างมีประวัติที่น่าสนใจ เริ่มจากชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ปัจจุบันอายุ 61 ปี เกิดที่ฮ่องกง แต่เติบโตในย่านเยาวราช เป็นบุตรคนสุดท้องคนที่ 8 ของครอบครัว ซึ่งทำธุรกิจนำเข้าและผลิตเสื้อผ้ายีนส์ หลังจบการศึกษาจากสหรัฐฯ ชูวิทย์ เคยทำธุรกิจหมู่บ้านจัดสรร และเคยเป็นเจ้าของอาบอบนวด 6 แห่งมาก่อน..

กลางปี 2546 ชูวิทย์เป็นที่รู้จักเมื่อตกเป็นข่าวถูกอุ้มหายตัวลึกลับ และปรากฏตัวอยู่ข้างถนนย่านชานเมืองในสภาพอิดโรยสะบักสะบอม ระหว่างมีคดีรื้อบาร์เบียร์กว่า 100 ร้านค้า ช่วงถนนสุขุมวิท ซอย 8 และซอย 10 จากนั้นได้ออกมาแฉว่าถูกตำรวจอุ้มตัวไป กลายเป็นจุดเริ่มของการเป็นจอมแฉถึงพฤติกรรมตำรวจในการรีดไถ รับส่วย และเรื่องราวทุจริตในสังคม จนกลายเป็นคนดัง..

จากนั้นได้เงียบหายไปก่อนลงสมัครผู้ว่าฯ กทม.อีกครั้งในปี 2551 จนเป็นข่าวโด่งดังก่อเหตุชกวิศาล ดิลกวณิช ผู้ดำเนินรายการข่าวสถานีโทรทัศน์ช่องหนึ่ง ภายหลังเสร็จสิ้นการสัมภาษณ์ อ้างว่าถูกถามจี้ไม่เปิดโอกาสให้ตอบอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดความไม่พอใจ และการเลือกตั้งทั่วไปในปี 2554 ชูวิทย์ได้เปิดตัวพรรครักประเทศไทย ประกาศเป็นฝ่ายค้านตรวจสอบรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จนได้เป็นส.ส.สมความตั้งใจและทำหน้าที่ได้อย่างโดดเด่น มีการเปิดคลิปแฉบ่อนการพนันใหญ่ย่านรัชดาฯ กลางที่ประชุมสภา ไม่ไว้หน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจ..

เส้นทางการเมืองของชูวิทย์ ไม่ได้โรยด้วยดอกกุหลาบ เพราะภายหลังส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ลาออกยกพรรคช่วงปลายปี 2556 ทำให้ชูวิทย์จะต้องลาออกตามที่เคยพูดไว้ กลายเป็น ส.ส. ตกงาน และเจอมรสุมชีวิตสูญสิ้นอิสรภาพวนเวียนเข้าออกคุกมาแล้ว 3 ครั้ง ตั้งแต่คดีรื้อบาร์เบียร์ และลืมแจ้งแสดงรายการทรัพย์สินต่อป.ป.ช. เมื่อครั้งเป็นส.ส. กระทั่งได้รับอิสรภาพประกาศขอยุติบทบาททางการเมือง..

ประวัติของสันธนะ ประยูรรัตน์ ไม่ใช่ย่อยเช่นกัน ปัจจุบันอายุ 63 ปี เป็นบุตรคนที่ 3 ในจำนวนพี่น้อง 6 คน และเป็นน้องชายของพ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ อดีตเลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เริ่มต้นเป็นตำรวจเมื่อปี 2535 จนขยับมาเป็นรองผู้กำกับการ 1 กองตำรวจสันติบาล 2 กระทั่งถูกออกจากราชการเมื่อปี 2545 เพราะขัดขวางการจับกุมบ่อนการพนันในพื้นที่สน.บางกอกน้อย และเป็นที่ตั้งสมาคมบริหารธุรกิจและกฎหมาย ซึ่งมีชื่อของสันธนะอยู่ในสมาคม 

จากนั้นสันธนะ ได้ผันตัวเข้าสู่สนามการเมืองอย่างเต็มตัว ในตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคประชากรไทย และลงสมัครรับเลือกตั้งส.ว.ในปี 2549 แต่ไม่ได้รับเลือก จนเมื่อปลายปี 2549 ตกเป็นข่าวถูกยิงถล่มกว่า 10 นัด กลางสามแยกไฟแดง ขณะเดินทางออกจากสนามม้านางเลิ้ง แต่รอดอย่างหวุดหวิด ส่วนลูกน้องคนสนิทเสียชีวิต โดยเจ้าตัวออกมาแฉน่าจะเกี่ยวข้องกับธุรกิจใต้ดิน และในปี 2550 ได้ลงสมัคร ส.ส.กทม.ในนามพรรคประชากรไทย แต่ก็พบกับความผิดหวัง

ปี 2552 สันธนะถูกตำรวจจับกุมในข้อหาพกพาอาวุธปืน บริเวณสามเหลี่ยมทองคำ เนื่องจากมีพฤติกรรมไม่น่าไว้วางใจเข้าข่ายไปข่มขู่คนที่ข้ามไปเล่นกาสิโนในฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้สันธนะต้องออกมาโต้แย้งว่าสิ่งที่กระทำลงไปเป็นการทำงานของภาคประชาชน..

เมื่อปี 2554 สันธนะออกมาเคลื่อนไหวอีกครั้ง เดินทางไปร้องต่อดีเอสไอ ให้เอาผิดสนามม้าราชกรีฑาสโมสร จากความไม่โปร่งใสในการจัดแข่งม้าการกุศล และต่อมาออกมาแฉถึงขบวนการไซฟ่อนเงิน จากการทุจริตในภาครัฐ อีกทั้งเคยเป็นแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และถูกดำเนินคดีก่อการร้ายบุกยึดสนามบินสุวรรณภูมิ

สันธนะยังเคยออกมาเรียกร้องตรวจสอบพฤติกรรมนายตำรวจคนดัง เกี่ยวข้องกับธุรกิจสีเทาในสนามแข่งม้า และก่อเหตุวิวาทแสดงความไม่พอใจเจ้าหน้าที่ตำรวจ ภายหลังนำกำลังตรวจค้นตลาดใหม่ดอนเมือง กรณีลักลอบขายสินค้าไม่ได้มาตรฐาน อย. จนสันธนะ ถูกแจ้งข้อหาดูหมิ่นเจ้าพนักงาน นอกจากนั้นเคยอ้างว่าถูกกลั่นแกล้งจากเจ้าหน้าที่จนถูกออกหมายจับ 9 หมาย และขณะเดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน เพิ่งหายป่วยจากโควิดทำให้มีอาการเหนื่อยหอบ

การเคลื่อนไหวของสันธนะ มีอยู่ตลอดและพยายามช่วยเหลือเสี่ยโป้ อานนท์ พร้อมพวก หลังโดนข้อหาเปิดเว็บพนันออนไลน์ จนเมื่อปลายเดือน ก.พ. 2565 ได้โผล่ขอเข้ามาร่วมเป็นพยานในคดีการเสียชีวิตของแตงโม นิดา โดยอ้างว่าคดีนี้มีบุคคลระดับบิ๊กเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่ตำรวจออกมาระบุสันธนะไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ จึงไม่เรียกมาสอบปากคำ กระทั่งล่าสุดเกิดเหตุปะทะคารมกับชูวิทย์ เกือบหวิดวางมวย จากศึกสาวไส้กันไปมา.

cr:https://www.thairath.co.th/scoop/theissue/2549988

www.pohchae.com/2022/11/11/chuwit-santhana
”ชูวิทย์” ท้าชก“สันธนะ” มวยแรง ..ดูประวัติทั้งคู่แล้วไม่ธรรมดา
#ชูวิทย์  #ท้าชก  #สันธนะ   #ประวัติไม่ธรรมดา

งานเข้า!ผวจ.สุพรรณบุรี จ่อฟ้อง ‘แอ๊ด คาราบาว’ ปมดราม่าห้ามเล่นคอนเสิร์ต