เงินๆงานๆ-อาชีพ » เปิดร้าน 7 ELEVEN มีกี่แบบ?ต้องใช้เงินมากไหม? รายได้เฉลี่ยเดือนละเท่าไหร่?

เปิดร้าน 7 ELEVEN มีกี่แบบ?ต้องใช้เงินมากไหม? รายได้เฉลี่ยเดือนละเท่าไหร่?

15 สิงหาคม 2023
380   0

เปิดร้าน 7 ELEVEN มีกี่แบบ?ต้องใช้เงินมากไหม? รายได้เฉลี่ยเดือนละเท่าไหร่?

How many types of 7 ELEVEN stores are there? Do you need a lot of money

การลงทุนในเซเว่น อีเลฟเว่น ได้รับความสนใจจากนักลงทุน มาตลอด
แม้ว่า ปัจจุบัน เซเว่นจะมีสาขามากถึง เกือบ 14,000 สาขา แล้ว
แต่ความสนใจนักลงทุน ก็ยังมีตลอด วันนี้ เราก็เลย
นำรูปแบบการลงทุนของร้านสะดวกซื้อชื่อดัง เซเว่น มาบอกเล่าให้ฟัง..

รูปแบบที่ 1 การลงทุนแบบ แบ่งผลกำไร
ไม่ได้เป็นเจ้าของเอง สิทธิ์ การเป็นเจ้าของเป็นของ CP ALL
การลงทุนรูปแบบที่หนึ่ง
ต้องใช้เงินจำนวน 1,480,000 บาท ระยะเวลาทำสัญญา 6 ปี
ค่าใช้จ่ายในการเปิดร้าน 480,000 บาท
เงินประกัน 1,000,000 บาท
จะได้คืนหลังจากเลิกสัญญา พร้อมดอกเบี้ย
ผู้ลงทุนจะได้เงินเดือน
จากตำแหน่งผู้จัดการร้าน เดือนละ 29,000 บาท

และได้แบ่งผลกำไร 5%

การลงทุนค่าเช่าสถานที่และการลงทุนอื่นๆ
ทางซีพีออลล์จะเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมด
และรายได้จากค่าเช่าหน้าร้านก็จะเป็นของ ซีพีออลล์ทั้งหมดเช่นกัน
จะไม่นำมานับรวมรายได้ที่แบ่งผลกำไรกับผู้ลงทุน
ซึ่งคนที่มีตึกอยู่แล้ว และลงทุนเป็นหุ้นส่วนกับเซเว่นในรูปแบบนี้
ก็จะได้สองต่อได้ทั้งค่าเช่าและส่วนแบ่งผลกำไร

การลงทุนแบบที่หนึ่งนี้ ทางสถาบันการเงินมีการให้สินเชื่อ
วงเงินไม่เกิน 600,000 บาท
ระยะเวลากู้ไม่เกิน 5 ปี

รูปแบบที่ 2 การลงทุนได้สิทธิ์แบ่งผลกำไร 50 : 50
รวมค่าใช้จ่ายประมาณ 2,630,000 บาท
ค่าใช้จ่ายเปิดร้าน 1,730,000 บาท
เงินประกันความเสียหาย 900,000 บาท
(ระยะเวลาทำสัญญา 10 ปี)
สถาบันการเงินมีโครงการสินเชื่ออัตราพิเศษ
วงเงินกู้ไม่เกิน 900,000 บาท ระยะเวลากู้สูงสุดไม่เกิน 8 ปี

สำหรับ โอกาสคืนทุน ขึ้นอยู่กับยอดขาย
แต่ส่วนใหญ่จะอยู่ในสัญญา 6 ปี
(ประมาณการณ์จากข้อมูลของซีพีออลล์ เซเว่น
มียอดขายต่อวันต่อสาขา อยู่ที่ 60,000-70,000 บาท ต่อเดือน
ประมาณ 300,000 บาท กำไรประมาณ 15-20%
(กำไรมาจากยอดขายที่รายได้หลักของเซเว่น คือ อาหาร และเครื่องดื่มประมาณ 73%)
โอกาสคืนทุน น่าจะประมาณ 4 ปี ถึง 4 ปีครึ่ง
ค่าใช้จ่ายต่อเดือน ค่าพนักงาน ต่อเดือน 60,000 บาท
และ ค่าน้ำค่าไฟ อยู่ที่เดือนละ 50,000-60,000 บาท ต่อสาขา..

มาดูกันต่อเลยว่า รายได้ของ 7-Eleven แต่ละสาขาเป็นเท่าไหร่
(ตัวเลขสมมุติเพื่อความเข้าใจ 7-Eleven มีจำนวนลูกค้าต่อสาขาต่อวันเฉลี่ย 916 คน)

  • ยอดซื้อต่อบิล 84 บาท
  • ยอดขายเฉลี่ย 76,582 บาทต่อสาขาต่อวัน
  • หากคิดเป็นรายเดือนจะอยู่ที่ 2,297,460 บาท
  • กำไรของธุรกิจค้าปลีกประมาณการคร่าวๆ อยู่ที่ 15%

เมื่อนำยอดขายมาหัก 15% ออกก็จะเหลือรายได้ 344,619 บาท/เดือน/สาขา (ยังไม่หักค่าจ้างพนักงาน และค่าใช้จ่ายส่วนอื่นๆ)

มาดูค่าใช้จ่ายในร้านมีอะไรบ้าง

  • ค่าจ้างพนักงาน 6 คน 72,000 บาท/เดือน
  • ค่าน้ำ+ค่าไฟ 50,000 บาท/เดือน
  • สินค้าหมดอายุ+อุปกรณ์ต่างๆ ชำรุด 20,000 บาท/เดือน

รวมค่าใช้จ่ายในร้านเฉลี่ย 142,000 บาท/เดือน

มาดูรายได้กัน 344,619 – 142,000 = 202,619

นำมาหักส่วนแบ่งที่เราจะมีรายได้ 54% = 109,414 บาท/เดือน

แต่อย่าลืมหักค่าแรงของเราด้วย ถ้าคิดค่าแรง 50,000 ก็จะเหลือกำไร 109,414 – 50,000 = 59,414 บาท/เดือน

ในส่วนของ ค่าเช่าตึก + ค่าเช่าที่ดิน ซึ่งบางสาขาเราจะเห็นเป็นลานจอดรถกว้างมาก ทางซีพีออลล์จะเป็นผู้รับชอบค่าใช้จ่ายในส่วนตรงนี้ทั้งหมด รวมถึงรายได้จากค่าเช่าพื้นที่ขายของ ค่าติดตั้งตู้ ATM และอื่นๆ ก็จะเป็นของซีพีออลล์..

มาถึงตรงนี้หลายคนอาจจะร้องโอ้ว!! เปิดร้าน 7-Eleven รายได้ดีขนาดนี้เหรอ ขอบอกให้รู้ก่อนเลยว่า รายได้ที่เห็นนี้เป็นค่าเฉลี่ยแต่ละสาขาทั่วประเทศของ 7-Eleven บางสาขารายได้เมื่อหักค่าใช้จ่ายแล้วไม่ถึงหลักแสนก็มี แต่บางสาขาที่อยู่ในทำเลดีๆ ลูกค้าใช้บริการเป็นพันคนต่อวัน รายได้อาจจะดีหน่อยตกอยู่ที่ 2-3 แสนบาท/เดือน

กรณีที่สาขาไหนมียอดขายดี ลูกค้าเยอะๆ เราอาจจะเคยเห็นร้าน 7-Eleven เปิดสาขาใกล้ๆ กัน เหตุผลก็เพราะทาง 7-Eleven มองว่าพื้นที่นั้นมีความเจริญ จำนวนลูกค้าเพิ่มมากขึ้น ทำให้การบริการของสาขาเดิม ไม่ทันกับความต้องการของลูกค้า จึงเป็นสาเหตุให้มีร้าน 7-Eleven เข้ามาเปิดใหม่ เพื่อบริการลูกค้าได้รวดเร็ว

แต่ก่อนเปิดสาขาใหม่ใกล้สาขาเดิม บริษัทฯ จะให้สิทธิ Store partner เจ้าเดิมพิจารณาความพร้อมในการเปิดสาขาใหม่ ถ้าพร้อม Store partner ก็สามารถใช้สิทธิบริหารร้านใหม่ได้เลย แต่ถ้าไม่พร้อม บริษัทฯ จะเปิดร้านรอไว้ เพื่อให้ Store partner มารับโอนไปในอนาคตเมื่อพร้อม ซึ่งในระหว่างนั้นบริษัทฯ ก็จะมีการประกันรายได้ให้สาขาเดิมด้วย

ปัจจัยสำเร็จของการเปิดร้าน 7-Eleven นอกจากทำเลที่ตั้ง จำนวนลูกค้า การบริหารจัดการบุคลากรแล้ว คนที่เป็น Store Business Partner ควรดูแลร้านด้วยตนเอง เพราะบางครั้งการจ้างคนอื่นมาบริหาร อาจจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม หรือโดนโกง และอาจจะทำให้ร้านของเราเสียหาย ไม่มีความเป็นมาตรฐาน อาจจถูกยกเลิกสัญญาได้.

ที่มา www.ubmthai.com/leksoundsmf3/index.php/topic,101098
https://www.thaismescenter.com/%E0%B9%80%E0%B8%9B..
https://www.google.com/..0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%..

7-11 ในญี่ปุ่น เตรียมปิดสาขาที่ไม่ทำกำไร กว่า1,000แห่ง รวมถึงลดพนักงานกว่า 3,000 คน