ยูทูป » ลุงพล เผย ทนายตั้ม เรียกค่าว่าความ 3 ล้าน ยังไม่รวมค่ากิน – ค่าที่พัก ลุงพลจ่ายเองทั้งหมด

ลุงพล เผย ทนายตั้ม เรียกค่าว่าความ 3 ล้าน ยังไม่รวมค่ากิน – ค่าที่พัก ลุงพลจ่ายเองทั้งหมด

5 พฤษภาคม 2023
202   0

ลุงพล เผย ทนายตั้ม เรียกค่าว่าความ 3 ล้าน ยังไม่รวมค่ากิน – ค่าที่พัก ลุงพลจ่ายเองทั้งหมด

‘ลุงพล’ เปิดปาก กลุ่มแฟนคลับบอก ‘ทนายตั้ม’ เรียกเงินค่าทำคดีน้องชมพู่ 3 ล้าน ด้าน ‘ทนายอั๋น’ ยื่น DSI สอบเส้นทางการเงินทนายตั้ม ขณะที่ ‘บิ๊กโจ๊ก’ ยอมรับสนิท ชูวิทย์-ทนายตั้ม ไม่เกี่ยวความขัดแย้งทั้งคู่ ไม่หนักใจถูกพาดพิง ยืนยันไม่มีการส่งลูกน้องไปดูแลทนายตั้มตามที่มีกระแสข่าว..

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณี ลุงพล หรือ นายไชย์พล วิภา คนดังแห่งบ้านกกกอก ที่ออกมายอมรับหลังให้สัมภาษณ์ผ่านรายการช่องโทรทัศน์ช่องหนึ่ง ว่ามีการเรียกเก็บค่าวิชาชีพทนายความจริง แต่ไม่ทราบว่าจำนวนเท่าไหร่..

วานนี้ (วันที่ 5 เม.ย.66) ผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์สัมภาษณ์ถึงกรณี เรื่องทนายตั้มได้เรียกเก็บค่าว่าความกับลุงพล 3 ล้านบาท เกี่ยวกับคดีน้องชมพู่ โดยลุงพล ระบุว่า เรื่องนี้เป็นการตกลงค่าวิชาชีพเป็นการตกลงกับ ทนายตั้ม กับแฟนคลับผู้ใหญ่ใจดี ตอนแรกทนายเรียกเก็บ 3 ล้านบาท แต่ทางผู้ใหญ่ใจดีต่อรองมาเหลือ 2 ล้าน โดยวิธีการจ่ายเงินนั้น ส่วนตัวไม่มีข้อมูลและไม่ทราบเลยว่าจ่ายกันผ่านทางไหน..

ส่วนเรื่องที่มีกระแสเรื่องการแตกกันระหว่างลุงพล กับทนายตั้ม ว่า หากมีผู้ใหญ่ใจดีจ่ายเงินครบ 2 ล้านบาทแล้ว เงินส่วนต่างขอนำมาเป็นทุนการศึกษาของลูก ส่วนนี้ลุงพลตอบว่า เป็นการตกลงระหว่างแฟนคลับผู้ใหญ่ใจดีและทีมทนาย ว่ามีการโอนจ่ายเงินค่าวิชาชีพเกิน 2 ล้านบาท ส่วนเงินที่เกินจากนั้น ผู้ใหญ่ใจดีขอเป็นทุนการศึกษาของลูกลุงพล ..

ส่วนช่วงแรกที่ทนายตั้มได้มาบ้านกกกอก ขออาสาเป็นทนายให้ลุงพลนั้น ลุงพลไม่ได้จ่ายค่าวิชาชีพใด ๆ นอกจากค่าที่พัก ค่าอาหาร และค่าที่พักเท่านั้น ตอนที่มามุกดาหาร ส่วนเรื่องเงิน 5 แสนบาทนั้น ที่ทนายอั๋นได้ออกมาแฉทนายตั้ม ส่วนตัวไม่ทราบว่าเงินนั้นเป็นเงินอะไร เพราะการโอนเงินเข้ามูลนิธิฯ ไม่รู้ว่าเขาโอนกันกี่วัน ครั้งละเท่าไหร่ ไม่ทราบจริง ๆ

ด้าน นายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือ ทนายอั๋น บุรีรัมย์ เดินทางมายื่นหนังสือร้องเรียนต่ออธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อตรวจสอบเส้นทางการเงินของนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม เนื่องจากพบว่า งบดุลบริษัท Sittra Law Firm ของทนายตั้ม มีงบดุลขาดทุมสะสมมาหลายปี ซึ่งไม่สอดคล้องกับวิถีชีวิตของทนายตั้มและครอบครัว ที่ใช้ชีวิตอย่างหรูหราอย่างมาก ..

โดยทนายอั๋นได้นำหนังสือพร้อมหลักฐาน เป็นภาพการใช้ชีวิตหรูหรา สวมใส่เสื้อผ้าและกระเป๋าแบรนด์เนม ไปท่องเที่ยวต่างประเทศที่ถูกโพสต์ลงสาธารณะผ่านเฟซบุ๊กของทนายตั้ม รวมถึงเอกสารบัญชีงบดุลของบริษัทที่สืบค้นจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ซึ่งพบว่ามีผลประกอบการขาดทุนตลอด 4 ปีที่ผ่านมา มาเป็นหลักฐานให้กับดีเอสไอ โดยมี พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.กองบริหารคดีพิเศษ เป็นตัวแทนรับมอบหนังสือ

..โดย ทนายอั๋น เปิดเผยว่า ตามเอกสารบัญชีงบดุลดังกล่าวที่เปิดเผยในเว็บไซต์กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ พบว่าตั้งแต่ปี 2561-2564 พบว่าขาดทุนสะสมทุกปี รวม 470,000 บาท ซึ่งไม่สอดคล้องกับการใช้ชีวิตหรูหรา อยู่สบายของทนายตั้ม ที่มีทั้งทำตัวไฮโซ มีรถหรู มีคฤหาสน์ราคา 60 ล้าน ซื้อสินค้าแบรนด์เนมครั้งละหลายล้านบาทที่ต่างประเทศ สะสมนาฬิกายี่ห้อดังมูลค่าหลายล้านบาทเช่นกัน..

ทำให้ตนเองเกิดข้อสงสัยว่า ทนายตั้มมีรายได้พิเศษจากทางใดอีกหรือไม่ นอกเหนือจากรายได้บริษัท รวมถึงการแสดงงบดุลรายได้รายจ่ายของบริษัทที่ส่งให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ถูกต้องตามความเป็นจริงหรือไม่ ดังนั้นจึงอยากให้ DSI ตรวจสอบเส้นทางการเงินของทนายษิทรา ทั้งรายได้บริษัท Sittra Law Firm จำกัด รายได้ส่วนตัว และรายได้จากมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ ของทนายตั้ม ทั้ง 3 แหล่งว่าสอดคล้องกันหรือไม่ เข้าลักษณะร่ำรวยผิดปกติหรือไม่ หรือมีรายได้จากช่องทางใดที่ผิดกฎหมายหรือไม่ ..

พร้อมยืนยันว่า ไม่กังวลหากทนายตั้มจะฟ้องกลับ และแม้ว่าจะยังไม่มีความผิดมูลฐานที่ ปปง. จะรับเรื่อง แต่การมายื่นกับ DSI ครั้งนี้ ก็เป็นจุดเริ่มต้นในการตรวจสอบเส้นทางการเงิน ซึ่งหาก DSI ไม่พบความผิดปกติ ก็จะเป็นผลดีกับทนายตั้มเอง แต่หากพบรายได้ที่ผิดปกติ ก็จะเป็นผลดีต่อสังคม “พร้อมขอให้สังคมจับตาดูงบดุลบริษัทปี 2565 ของ Sittra Law Firm ที่จะมีการยื่นภายในเดือนพฤษภาคมนี้ ว่าจะขาดทุนเช่นเดิม หรือมีเงิน 200-300 ล้านบาทปรากฎเข้ามาในบริษัท ..

และถ้าหากมี ก็อยากทราบว่าเงินดังกล่าวมีที่มาอย่างไร ส่วนกรณีข้อสงสัยว่าจะทนายตั้มจะมีเงินสีเทาตามที่นายชูวิทย์ออกมาเปิดเผยก่อนหน้านี้หรือไม่ ตนไม่ทราบ ขอให้ไปสอบถามนายชูวิทย์เองจะดีที่สุด” ส่วนกรณีที่ทนายตั้ม ระบุว่าเรียกรับเงิน 300,000 บาท เป็นค่าเสี่ยงภัยในการแถลงข่าว เนื่องจากอาจจะถูกฟ้องนั้น ทนายอั๋นกล่าวว่า การที่ทนายตั้มบอกว่ามีค่าเสี่ยงภัย แสดงว่าสิ่งที่ทนายตั้มทำนั้น เป็นสิ่งผิดกฎหมายหรือไม่ และทนายตั้มกำลังนำลูกความไปทำสิ่งผิดกฎหมายถึงต้องเสี่ยงภัยหรือไม่ เพราะตนเองยังแถลงข่าวได้โดยไม่ต้องเกรงกลัวใด ๆ..

หากเป็นสิ่งที่ถูกต้องตามหลักกฎหมาย ดังนั้น การที่ทนายตั้มเรียกรับเงินเช่นนี้ จะเข้าข่ายผิดมรรยาททนายความหรือไม่ ซึ่งเมื่อวันที่ 30 มี.ค.ที่ผ่านมา ตนได้ไปยื่นให้คณะกรรมการมรรยาททนายความ สภาทนายความ ตรวจสอบการกระทำของทนายตั้มแล้ว ซึ่งต้องใช้เวลาติดตามความคืบหน้าสักพัก โดยตนจะโทรไปตรวจสอบความคืบหน้ากับสภาทนายความทุกสัปดาห์.

ยูทูปช่องอมรินทร์ทีวีศูนย์ข่าวลุงพลมีผู้ติดตาม 12.9 ล้านคน ถูกแฮก!!